โดย…ดร.นิพนธ์ เอี่ยมสุภาษิต
จากการสำรวจเทคโนโลยีเกิดใหม่โดยเฉพาะเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตรและตลาดโลก เพื่อเจาะลึกถึงเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงและปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตร ผลผลิตพืช และการตลาด ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมไปจนถึงเทคนิคการแก้ไข/ปรับแต่งยีนขั้นสูง พบว่า ความต้องการเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตรที่เป็นเทคโนโลยีเกิดใหม่และตลาดโลก คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 79.9 พันล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ. 2566 เป็น 119.6 พันล้านดอลลาร์ภายในปี พ.ศ. 2571 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี (compound annual growth rate – CAGR) ที่ร้อยละ 8.4 จากปี พ.ศ. 2566 ถึง พ.ศ. 2571
เครื่องมือเทคโนโลยีชีวภาพในตลาดเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร มีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรและการปรับปรุงพันธุ์พืช ซึ่งครอบคลุมวิธีการและเทคนิคมากมายที่ใช้สำหรับการจัดการและการตรวจสอบระบบทางชีววิทยา โดยเน้นไปที่ลักษณะทางพันธุกรรมและโมเลกุลเป็นหลัก เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยสามารถดัดแปลงยีน ระบุลักษณะเฉพาะ และพัฒนาพืชพันธุ์ใหม่ที่มีคุณสมบัติดีขึ้น
ตัวอย่างเครื่องมือทางเทคโนโลยีชีวภาพ ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ด้วยโมเลกุล เทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการระบุและเลือกลักษณะที่ต้องการในระดับโมเลกุล การเลือกโดยใช้เครื่องหมายช่วย ซึ่งใช้เครื่องหมายทางพันธุกรรมเพื่อช่วยในการเลือกลักษณะที่ต้องการ และการแก้ไข/ปรับแต่งยีน CRISPR-Cas9 ซึ่งมีความแม่นยำ ที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถปรับเปลี่ยนยีนที่มีความจำเพาะภายในสิ่งมีชีวิตได้
เครื่องมือเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการปรับปรุงผลผลิต เพิ่มความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืช และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของการเกษตร ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน การสนับสนุนและความคิดริเริ่มของรัฐบาลได้ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาด
แนวทางเชิงรุกของจีนในการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการนำพืชดัดแปลงพันธุกรรมมาใช้ในเชิงพาณิชย์ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ภูมิภาคเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ภูมิภาคนี้มีความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตรระดับโลก
แรงผลักดันเบื้องหลังเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร ประกอบด้วย: การลดลงของที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ก่อให้เกิดความท้าทายที่สำคัญต่อความมั่นคงทางอาหารของโลกและแนวปฏิบัติทางการเกษตรที่ยั่งยืน ผลที่ตามมาของการลดพื้นที่เกษตรกรรมนั้นมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง นำไปสู่แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อพื้นที่เพาะปลูกที่มีอยู่ การใช้ทรัพยากรมากเกินไป และความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกษตรกรถูกบังคับให้ใช้เทคนิคการทำฟาร์มแบบเข้มข้น ซึ่งมักจะอาศัยปัจจัยการผลิตทางเคมีและการปฏิบัติที่ไม่ยั่งยืน ส่งผลให้ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลงไปอีก
การเพาะปลูกพืชดัดแปลงพันธุกรรมที่เพิ่มขึ้น บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในการเกษตรสมัยใหม่ ที่มีผลกระทบในวงกว้างต่อการผลิตอาหารทั่วโลกและความยั่งยืน พืชดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้แสดงลักษณะที่พึงประสงค์ เช่น ความต้านทานศัตรูพืช ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น หรือคุณค่าทางโภชนาการที่เพิ่มขึ้น ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่เกษตรกร เนื่องจากมีศักยภาพในการรับมือกับความท้าทายที่สำคัญในการเกษตร พืชเหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้ผลผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งรับประกันความมั่นคงทางอาหารสำหรับประชากรที่เพิ่มขึ้น แต่ยังลดการพึ่งพาสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ดังนั้นจึงส่งเสริมแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การยอมรับพืชดัดแปลงพันธุกรรม ยังเปิดช่องทางสำหรับการพัฒนาพันธุ์ที่ทนแล้ง เพื่อช่วยในการเพาะปลูกในภูมิภาคที่มีแนวโน้มว่าจะขาดแคลนน้ำ นอกจากนี้ นวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาภาวะทุพโภชนาการ ด้วยพืชที่ได้รับการเสริมสารอาหารทางชีวภาพ ซึ่งได้รับการพัฒนาเพื่อให้มีสารอาหารที่จำเป็นแก่ประชากรที่เผชิญกับภาวะขาดสารอาหาร
ในขณะที่เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตรก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง การเพาะปลูกพืชเทคโนโลยีชีวภาพที่เพิ่มขึ้นถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถของอุตสาหกรรมในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน และตอบสนองความต้องการทั่วโลกสำหรับแหล่งอาหารที่ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ และอุดมสมบูรณ์
การลงทุนที่เพิ่มขึ้นในด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการเกษตรและการสร้างความมั่นใจในความมั่นคงด้านอาหารทั่วโลก การยอมรับที่เพิ่มขึ้นนี้ได้รับแรงหนุนจากศักยภาพของอุตสาหกรรมในการจัดการกับความท้าทายเร่งด่วน รวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้น และความจำเป็นในแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืนการลงทุนเหล่านี้ขับเคลื่อนความก้าวหน้าในพืชดัดแปลงพันธุกรรม เทคโนโลยีการเกษตรที่แม่นยำ และเครื่องมือเทคโนโลยีชีวภาพ ส่งเสริมการสร้างพันธุ์พืชที่มีความยืดหยุ่น ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติทางการเกษตร และเพิ่มผลผลิต
นอกจากนี้ โครงการริเริ่มด้านเงินทุนสนับสนุนการพัฒนาพืชเสริมอาหารชีวภาพ ช่วยในการต่อสู้กับภาวะทุพโภชนาการ และเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของอาหารหลัก การอัดฉีดเงินทุนเข้าสู่เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตรไม่เพียงแต่ช่วยเร่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความร่วมมือระหว่างนักวิจัย ผู้ประกอบการ และผู้กำหนดนโยบายอีกด้วย ซึ่งปูทางไปสู่อนาคต ที่การแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยีชีวภาพกลายเป็นนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญในการเกษตรทั่วโลก
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.prnewswire.com/news-releases/cultivating-tomorrow-a-deep-dive-into-agricultural-biotechnologys-119-6-billion-revolution-302009645.html