สมเกียรติ กิมาวหา
ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตร เดือนพฤษภาคม 2563 ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าข้าวเปลือกหอมมะลิข้าวเปลือกเหนียวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์น้ำตาลทรายดิบมันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมันสุกรและกุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นมีเพียงยางพาราแผ่นดิบที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง
นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนพฤษภาคม2563โดยส่วนมากมีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่9,525-10,412 บาท/ตันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.10-10.52 เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19ทำให้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก อาทิ ประเทศอินเดียและเวียดนามมีมาตรการล็อคดาวน์และชะลอการส่งออกข้าว ประกอบกับประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวอันดับ 1 ของโลกอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าข้าว จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยในการส่งออกข้าว
ข้าวเปลือกหอมมะลิราคาอยู่ที่14,496-14,579 บาท/ตันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.88-1.46 เนื่องจากมีคำสั่งซื้อข้าวจากประเทศฮ่องกงเป็นผลจากความกังวลจากนโยบายปิดประเทศของเวียดนาม ส่งผลให้ประชาชนชาวฮ่องกงมีการกักตุนข้าวหอมมะลิเพิ่มขึ้น
ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวราคาอยู่ที่ 15,774-15,912 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.85-2.73เนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตข้าวเหนียวนาปรังออกสู่ตลาดลดลง และประเทศเวียดนามจำกัดโควตาในการส่งออกข้าวเหนียวเพื่อสำรองไว้ใช้ในประเทศ
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5%ราคาอยู่ที่ 7.54-7.60 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.30 -1.00 เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ขณะที่ความต้องการใช้ในการผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นจากปัญหาด้านการขนส่งจากมาตรการล็อคดาวน์ทำให้ผู้ประกอบการมีอุปสรรคในการนำเข้าวัตถุดิบอื่นมาผลิตอาหารสัตว์
น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 10.24-10.73 เซนต์/ปอนด์ (7.35-7.70 บาท/กก.)เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ5.00-10.00เนื่องจากความกังวลต่อปริมาณผลผลิตอ้อยทั่วโลกที่ลดลง จากสภาพอากาศที่แห้งแล้งในประเทศผู้ผลิตสำคัญ จึงมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำตาลจะลดลง ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อเพิ่มขึ้น
มันสำปะหลังราคาอยู่ที่ 1.75 – 1.80บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ0.57 – 3.45เนื่องจากประเทศคู่ค้าของไทยเริ่มมีการเปิดเมืองและผ่อนปรนด้านการขนส่งระหว่างประเทศ จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19ที่มีแนวโน้มคลี่คลาย ส่งผลให้การส่งออกมันสำปะหลังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น
ปาล์มน้ำมันราคาอยู่ที่ 3.09 – 3.14 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ0.32 – 2.27 เนื่องจากคาดว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ทำให้กิจการบางส่วนสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ จึงเป็นโอกาสให้ความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลและน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น
สุกร ราคาอยู่ที่ 68.89 – 69.09 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.79 – 3.09 เนื่องจากสภาพอากาศของไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อนส่งผลให้สุกรเติบโตช้าทำให้ผลผลิตสุกรออกสู่ตลาดน้อยลง ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นจากแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ซึ่งคาดว่าธุรกิจบางประเภทจะกลับมาเปิดให้บริการหลังสิ้นสุดมาตรการดังกล่าว
และกุ้งขาวแวนนาไมขนาด 70 ตัว/กก. ราคาอยู่ที่ 127.00 – 129.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.60 – 3.20 เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งและการเฝ้าระวังโรคระบาด ทำให้เกษตรกรปรับลดพื้นที่และชะลอการลงลูกกุ้ง รวมถึงชะลอการจับกุ้งออกจำหน่าย ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง
ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลงมีเพียงยางพาราแผ่นดิบซึ่งคาดว่าราคาจะอยู่ที่31.50 – 32.95 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ0.60 – 4.98 เนื่องจากในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมจะมีการเปิดหน้ากรีดยางพาราทั่วประเทศทำให้มีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ยางพาราธรรมชาติลดลงจากราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำอีกทั้งประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ายางพารารายใหญ่ยังใช้มาตรการล็อคดาวน์ จึงทำให้ผู้ประกอบการชะลอรับซื้อน้ำยางสดในประเทศ