ความเชื่อมั่นคนไทยมิ.ย.พุ่งปรี๊ด! ม.หอการค้าชี้ราคาพืชผลเกษตรดี

  •  
  •  
  •  
  •  

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 2,239 คนทั่วประเทศว่า เดือน มิ.ย.61 ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ โดยดัชนีเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 67.9 เพิ่มขึ้นจาก 66.9 ในเดือน พ.ค 61 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 76.4 เพิ่มขึ้นจาก 75.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 99.5 เพิ่มขึ้นจาก66.9 ในเดือน พ.ค.61 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 76.4 เพิ่มขึ้นจาก 75.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 99.5 เพิ่มขึ้นจาก 98.3 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.61 อยู่ที่ 81.3 เพิ่มขึ้นจาก 80.1 ถือว่าสูงสุดในรอบปี โดยดัชนีความเชือมั่น  ผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 55.3 เพิ่มขึ้นจาก 54.4 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต อยู่ที่ 92.5 เพิ่มขึ้นจาก 91.3 สาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นทุกรายการ เป็นผลจากผู้บริโภคเริ่มคลายความกังวลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังรัฐดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท ไปจนถึงสิ้นปี

นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังรู้สึกว่าการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้นในอนาคต ขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการดีขึ้น ทั้งข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำให้เกษตรกรเกือบ 5 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 15-20 ล้านคนทั่วประเทศ มีรายได้เพิ่มขึ้น  ประกอบกับราคาเนื้อหมู ไก่ และไข่ไก่ ดีขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อเริ่มกลับมาแบบอ่อนๆ ขณะเดียวกันเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย สะท้อนว่ามีเงินทุนจากต่างประเทศทธิไหลออก ซึ่งจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและการส่งออก “ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังมีความหวัง เพราะดัชนีรายได้ในอนาคตที่กลับมาใกล้ระดับ 100 อีกครั้ง และดัชนีค่าครองชีพที่อยู่ที่ 61.7 จาก 59.3 ดีขึ้นในรอบ 6 เดือน จึงเป็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งดัชนีสถานการณ์ทางการเมืองดีขึ้นและอยู่ในระดับใกล้ 100 ทั้งปัจจุบันและอนาคต จึงทำให้ภาพของการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมีความมั่นใจมากขึ้น”

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ศูนย์ฯเตรียมปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยปีนี้ใหม่ โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้จะอยู่ในกรอบ 4.5-5% จากเดิมที่คาดจะโต 4-4.5% เติบโตสูงสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 56 ที่จีดีพีโต 2.7%.

ที่มา : ไทยรัฐ ; อ่านเพิ่มเติม : https://www.thairath.co.th/content/1328521