มานพ หนูสอน กับ กุเราหอมตากใบ
กรมประมง เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและชุมชนประมงพื้นบ้าน ผ่านแนวทาง “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” มุ่งเน้นการสร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในภาคการผลิต การแปรรูป และการตลาด ล่าสุด ได้ผลักดัน “กุเราหอมตากใบ” ของดีจากจังหวัดนราธิวาส ให้ก้าวขึ้นเป็นสินค้าแปรรูประดับพรีเมียม ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าถึง 3 เท่า ภายในปี 2570
นายมานพ หนูสอน รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า…โครงการดังกล่าวเป็นการพัฒนาศักยภาพของชาวประมงในพื้นที่ โดยอาศัยจุดแข็งที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น อาหารทะเลสดใหม่ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดผู้บริโภคให้เข้าถึงสินค้าสัตว์น้ำโดยตรง ลดการพึ่งพาคนกลาง ทำให้ชาวประมงมีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมให้ชาวประมงพื้นบ้านใช้เครื่องมือประมงที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการทำประมง โดยให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่สะอาด ปลอดภัย และรักษาคุณภาพของวัตถุดิบให้ดีที่สุด ก่อนถึงมือผู้บริโภค สำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าว
กรมประมง ได้นำร่องลงพื้นที่บ้านปูลาโต๊ะบีซู อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยม พบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ พร้อมทั้งนำเจ้าหน้าที่ลงไปถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกาะหัวใจเกื้อกูลบ้านปูลาโต๊ะบีซู กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านเกาะยาว อำเภอตากใบ และจากอำเภอบาเจาะ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านประมง อำเภอบาเจาะ เพื่อช่วยให้กลุ่มสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานสูงขึ้น ยกระดับคุณภาพสินค้า ขยายตลาดเดิมและเพิ่มตลาดใหม่ ๆ อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี และความเข้มแข็งในชุมชนอีกด้วย
นอกจากนี้ กรมประมง มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ผลผลิตสัตว์น้ำที่ชาวประมงจับได้จากธรรมชาติให้ได้รับมาตรฐาน Blue Brand Standard เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคว่าจะสามารถเลือกซื้อสินค้าสัตว์น้ำที่มาจากการทำประมงแบบยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ใช้เครื่องมือประมงที่ทำลายล้าง รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้ผ่านการรับรอง ตราสัญลักษณ์ประมงธงเขียว ซึ่งยืนยันว่าเป็นสินค้า สด สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการกำลังการผลิต ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
โดยเน้นการถนอมอาหาร การแปรรูปที่ถูกสุขอนามัย และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ “กุเราหอมตากใบ” สามารถแข่งขันได้ในตลาดระดับพรีเมียม ด้วยแผนพัฒนาเชิงรุกของกรมประมง ควบคู่กับความร่วมมือของชาวประมงในพื้นที่ “กุเราหอมตากใบ” จะกลายเป็นมากกว่าปลาเค็มทั่วไป ซึ่งเป็นสินค้าที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์และเสน่ห์ของชุมชนตากใบ สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชาวประมงพื้นบ้าน และกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวอีกว่า…การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพด้านการประมงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในระยะ 3 ปีต่อจากนี้ (พ.ศ. 2568 – 2570) กรมประมงมีแผนขยายผลการบูรณาการความร่วมมือในการบริหารและพัฒนาด้านการประมง โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พร้อมทั้ง ต่อยอดธุรกิจฮาลาล พัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าประมงให้เป็นผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์
รวมทั้ง เร่งสนับสนุนการค้าชายแดนระหว่างประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวประมง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ส่งผลให้กลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ชาวประมง ตลอดจนผู้ประกอบการแปรรูปสัตว์น้ำ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายในปี พ.ศ.2570 ตามกรอบนโยบายรัฐบาลที่วางไว้ต่อไป