ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังประสบกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด -19 บริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทย มุ่งส่งเสริมให้พี่น้องเกษตรกรชาวไทยให้ปลูกพืชมีผลิตผลดี รายได้มั่นคง และสามารถปรับตัวอยู่รอดท่ามกลางภัยต่างๆ ที่กำลังคุกคามภาคการเกษตรได้ จึงขอแนะนำการปลูกพืชอายุสั้น ดูแลง่าย เก็บเกี่ยวได้ไวภายใน 1-2 เดือน เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้เกษตรกรและบุคคลทั่วไปได้มีช่องทางสร้างรายได้ที่มั่นคง ช่วยลดผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 โดยพืชอายุสั้นที่เจียไต๋แนะนำมีดังนี้
แตงกวาเขียวมาลัย 2
แตงกวาเขียวมาลัย 2 เป็นแตงกวาลูกผสม เป็นที่นิยมในตลาด นอกจากผิวสีเขียวและรูปทรงกระบอกสวยงาม ให้ผลิตผลเกรดเอแล้ว ยังปลูกง่าย ทนโรคไวรัสและราน้ำค้าง สามารถเก็บเกี่ยวได้นานกว่าพันธุ์ทั่วไป ทำให้เกษตรกรได้ผลิตผลมาก มีรายได้สูงขึ้น
แตงกวาเขียวมาลัย 2 มีอายุเก็บเกี่ยว 35-37 วัน สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี การให้น้ำที่เหมาะสมที่สุดคือระบบน้ำหยด โดยใช้น้ำอยู่ที่ประมาณ 560 – 600 ลบ.ม. ต่อไร่ (ในขณะที่การปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ภาคกลางจะใช้น้ำที่ประมาณ 730-1,150 ลบ.ม.) โดย1 ไร่สามารถให้ผลิตผลเฉลี่ย 5 ตัน
คุณยาน แย้มเกสร อดีตช่างก่อสร้างผู้ผันตัวมาเป็นเกษตรกรปลูกแตงกวากล่าวว่า “เมล็ดพันธุ์แตงกวาเขียวมาลัย 2 ของเจียไต๋ มีขนาดเมล็ดใหญ่ ไม่ลีบ และความงอกสม่ำเสมอ สภาพต้นมีความแข็งแรง ทนโรคและแมลง ทำให้ประหยัดลดต้นทุนการดูแลรักษา อีกทั้งยังเก็บเกี่ยวได้นาน มีการเกาะค้างแตกแขนงดี ผลิตผลมีผิวสีเขียวเข้ม ดูสดใหม่อยู่เสมอ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองไวถ้าต้องขนส่งไปตลาดที่อยู่ห่างไกล ส่วนขนาดของผลก็เป็นที่ต้องการของตลาด บางช่วงสามารถขายได้ราคาดีถึง 10-12 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับเคล็ดลับในการปลูกจะเพิ่มธาตุอาหาร ให้ปุ๋ยตามช่วงเวลา ซึ่งเจียไต๋เองได้เข้ามาช่วยแนะนำเทคนิคการเพาะปลูกที่เหมาะสมที่เอามาประยุกต์กับแปลงเราได้ดี”
แตงร้านเขียวอมตะ 2
แตงร้านเขียวอมตะ 2 เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม ด้วยผลสีเขียวเข้ม รูปทรงสวย มีความทนทานต่อโรคและแมลง แตงร้านเขียวอมตะ 2 มีอายุเก็บเกี่ยวอยู่ที่ 35-38 วัน สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ควรใช้ระบบน้ำหยดในการให้น้ำ โดยปริมาณน้ำที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 560 – 600 ลบ.ม. ต่อไร่ ให้ผลิตผลเฉลี่ย 5 – 6 ตันต่อ 1 ไร่
คุณฉลอง ดวงตา เกษตรกรจากจังหวัดราชบุรี เผยว่า “แตงร้านเขียวอมตะ 2 ของเจียไต๋ มีความงอกสม่ำเสมอ เมล็ดมีขนาดใหญ่ งอกออกมาสภาพต้นกล้าแข็งแรง และติดผลสม่ำเสมอ หากเก็บทุกวันจะได้ขนาดที่เหมาะสม ขนาดของผลยังเป็นที่ชอบของตลาด ทรงผลยาวประมาณ 18-20 ซม. สีผลเขียวสม่ำเสมอ นอกจากนี้ หลังจากที่เจียไต๋ได้เข้ามาแนะนำเทคนิคการเพาะปลูกแบบใหม่ ทำให้ได้ผลิตผลมากขึ้น สามารถเก็บผลิตผลได้นานขึ้น รายได้จึงมากขึ้นตาม จากพื้นที่ 1 ไร่ ใช้เมล็ดประมาณ 150 กรัม ได้ผลิตผลประมาณ 6,000 กิโลกรัม และได้ราคาอยู่ที่ 13-15 บาทต่อกิโลกรัม” (ราคาผลิตผลขึ้นกับสถานการณ์ตลาดขณะนั้น)
มะระขี้นก (มดดำ 200)
มะระขี้นกผลเล็ก มีอายุเก็บเกี่ยวอยู่ที่ 45 – 50 วัน และสามารถเก็บได้ทุกวันจนถึงอายุ 100 – 120 วัน สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ชอบแสงแดด เหมาะกับการปลูกในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย วิธีการปลูกควรสร้างค้างไว้เพื่อให้มะระขี้นกยึดเกาะ ซึ่งจะช่วยให้ดูแลรักษาได้ง่าย และยังเก็บเกี่ยวผลิตผลได้นานขึ้น การให้น้ำแนะนำเป็นระบบน้ำหยด เนื่องจากมะระขี้นกต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอแต่ต้องระวังไม่ให้ท่วมขัง ปริมาณน้ำที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 650 ลบ.ม. ต่อไร่ และให้ผลิตผลเฉลี่ยต่อไร่ประมาณ 8 ตัน ราคาผลิตผลเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15-20 บาทต่อกิโลกรัม (ราคาผลิตผลขึ้นกับสถานการณ์ตลาดขณะนั้น)
ผักกาดขาวปลีเบา (พอสซ์)
ผักกาดขาวปลีเบาพันธุ์พอสซ์ มีลำต้นที่แข็งแรง ทนฝน สามารถปลูกได้ในทุกสภาพอากาศ สามารถเก็บเกี่ยวได้ 2 วิธี คือ เก็บเกี่ยวหลังหว่านเมล็ด ระยะ40 – 45 วัน อีกวิธีหนึ่งคือการเก็บแบบลุ้ยแชร์ ซึ่งเป็นการเก็บเกี่ยวตั้งแต่ยังห่อหัวไม่แน่น และสามารถเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่ 27 – 32 วัน
ผักกาดขาวปลีเบาพอสซ์สามารถปลูกได้ในดินทั่วไป แต่สภาพที่เหมาะสมที่สุดคือดินร่วน หากใช้ดินเหนียว จะต้องทำให้ดินสามารถระบายน้ำได้ดีก่อน ด้วยการไถหรือขุดดินให้ลึกประมาณ 30 ซม. จากนั้นตากดินให้แห้งประมาณ 10 – 15 วัน แล้วค่อยพรวนดินให้ก้อนเล็กลงและใส่ปุ๋ยคอกลงไปคลุกเคล้า
ผักกาดขาวปลีเบาพอสซ์ใช้น้ำประมาณ 300 ลบ.ม. ต่อไร่ ในระยะแรกเมื่อผักกำลังงอกควรให้น้ำวันละ 3 – 4 ครั้ง เพื่อให้หน้าดินอ่อน สะดวกแก่การงอกของเมล็ด เมื่อผักอายุเกิน 7 วันแล้ว ควรให้น้ำลดลงเหลือเพียงวันละ 3 ครั้ง และเมื่ออายุเกิน 1 เดือน จึงรดน้ำเพียงวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น อีกหนึ่งข้อควรระวังคือ อย่าให้พืชขาดน้ำช่วงกำลังห่อปลี เพราะจะทำให้การห่อปลีและการเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ สำหรับผักกาดขาวปลีเบา1 ไร่ สามารถเก็บเกี่ยวแบบหว่านได้ 2 – 2.5 ตัน และเก็บเกี่ยวแบบลุ้ยแชร์ได้ 1.5 ตัน มีราคาผลิตผลเฉลี่ยอยู่ที่ 11-17 บาทต่อกิโลกรัม (ราคาผลิตผลขึ้นกับสถานการณ์ตลาดขณะนั้น)