ขึ้นบัญชีดำ 13 ชีวภัณฑ์เถื่อนผสมเคมี ก.เกษตรฯ ผนึก ดีเอสไอ รวบแล้วมูลค่ากว่า 50 ล้าน

  •  
  •  
  •  
  •  

                                                                                  เฉลิมชัย  ศรีอ่อน

กระทรวงเกษตรฯ ประสานดีเอสไอ ลุยปราบขบวนการผลิตชีวภัณฑ์ผสมสารเคมีหลอกขายเกษตรกร  กรมวิชาการเกษตร สืบเบาะแส แกะรอย  ชี้เป้าเข้าทลายแหล่งผลิตใหญ่  มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท   พร้อมขึ้นบัญชีดำ 13 สารชีวภัณฑ์เถื่อนเตือนอย่าหลงเชื่อโฆษณาเกินจริงผ่านสื่อออนไลน์

    นายเฉลิมชัย  ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและรับฟังปัญหาของเกษตรกรในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้รับทราบปัญหาการหลอกขายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรทั้งปุ๋ยและวัตถุอันตรายที่ไม่มีคุณภาพให้กับเกษตรกร  ซึ่งในเรื่องนี้ตนได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากโดยได้กำหนดเป็นยโยบายขับเคลื่อนภาคการเกษตรที่สำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีเป้าหมายให้เกษตรกร ลด ละ เลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม  พร้อมกับส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพทดแทนสารเคมีการเกษตรให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับการผลิตพืชให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย

      ดังนั้นจึงได้กำชับให้กรมวิชาการเกษตรดำเนินการตรวจสอบ   ป้องกัน  และปราบปรามขบวนการดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อมิให้เป็นการซ้ำเติมเกษตรกรที่ต้องเสียเงินซื้อปัจจัยการผลิตปลอมที่ได้มาตรฐานมาใช้  เพราะนอกจากจะใช้ไม่ได้ผลตามที่ต้องการแล้วยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเกษตรกรด้วย  

      ทั้งนี้ได้รับรายงานจากกรมวิชาการเกษตรว่า  ตั้งแต่ช่วงปี 2559 เป็นต้นมาเริ่มมีการร้องเรียนและแจ้งเบาะแสการขายสินค้าชีวภัณฑ์ที่ใช้กำจัดศัตรูพืช วัชพืช ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นซึ่งเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร  กรมวิชาการเกษตร  ได้เข้าไปตรวจสอบ  และดำเนินการทางด้านกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดไปแล้วจำนวนหลายราย  แต่ยังมีผู้ผลิตอีกจำนวนหนึ่งซึ่งยังไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้  

      ทั้งนี้เนื่องจากไม่พบสถานที่ผลิตตามที่ระบุไว้ในฉลากผลิตภัณฑ์ แต่พบว่ามีการผลิตและจำหน่ายสินค้าชีวภัณฑ์ที่ใช้กำจัดวัชพืชในลักษณะเดียวกันอีกหลายชนิด โดยผู้ผลิตดังกล่าวเปลี่ยนชื่อและที่อยู่เพื่อหลบหนีการตรวจสอบซึ่งแม้เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรจะได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบสถานที่ตามที่ระบุไว้ในฉลากอีกหลายครั้งในพื้นที่จังหวัด นนทบุรี ปทุมธานี และฉะเชิงเทรา แต่ส่วนใหญ่จะพบเพียงผู้จำหน่ายรายย่อยโดยที่ยังไม่สามารถสืบหาผู้ผลิตที่แท้จริงได้

      รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ   กล่าวว่า  จากปัญหาดังกล่าวซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ปลอม  รวมทั้งการติดตาม สืบค้นข้อมูลมีความซับซ้อนและหาตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริงได้ยาก จึงได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)รับเป็นคดีพิเศษเนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีผู้ได้รับผลกระทบและมีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก 

      จากการปฏิบัติงานร่วมกันทำให้สามารถเข้าถึงผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรายใหญ่ได้   โดยการปฏิบัติการร่วมกันครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562เจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 หน่วยงานได้เข้าตรวจสอบสถานที่ผลิตและจำหน่ายวัตถุอันตรายและปุ๋ยที่ไม่ได้มาตรฐานที่จังหวัดนครราชสีมา  ปทุมธานี  และนนทบุรี  พบวัตถุอันตรายและปุ๋ยผิดกฎหมายรวมปริมาณ 69.1 ตัน รวมมูลค่าความเสียหายจำนวน 31.8 ล้านบาท

       การปฏิบัติการร่วมกันครั้งที่ 2 ระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และดีเอสไอ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2563ที่ผ่านมาได้เข้าตรวจค้นสถานที่ผลิตสารชีวภัณฑ์ปลอมใน 3 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร  อุตรดิตถ์ และเชียงใหม่   ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจวิเคราะห์  และยึดอายัดสารชีวภัณฑ์ รวมทั้งสิ่งของที่เกี่ยวข้องในการผลิต   พร้อมกับรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด  รวมมูลค่าความเสียหายในครั้งนี้จำนวน20 ล้านบาท

     “จากการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และดีเอสไอทั้ง 2 ครั้งทำให้สามารถจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ผลิตรายใหญ่ได้พร้อมกับผลิตภัณฑ์ปลอมที่หลอกขายเกษตรกรจำนวน 13 ชื่อการค้าคือ คิวสตาร์  วัวแดง  สมาร์ทไบโอ 1  สมาร์ทไบโอ 2 นิวตรอน 1  นิวตรอน 2  ซุปเปอร์ไลค์  มีเฮงรถถัง  ไบโอวัน  นานากรีน  ซันฮีโร่  น้ำหมักยายสี  และจ๊าบจึงขอแจ้งเตือนเกษตรกรไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อการค้าดังกล่าว  รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งจำหน่ายที่ไม่น่าเชื่อถือหรือมีการโฆษณาเกินจริงตามสื่อโซเชียลต่างๆ    และหากมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งกรมวิชาการเกษตรเพื่อเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการได้ทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2940-5434” นายเฉลิมชัย  กล่าว