เข้าสู่ฤดูฝนกันแล้ว แต่สถานการณ์น้ำตามอ่างเก็บน้ำในเขื่อนต่างๆยังมีน้อยเต็มที ทั้งประเทศน้ำที่ใช้ได้เพียง 17 % ของความจุน้ำ ชี้ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยายังวิกฤตหนัก เหลือใช้ได้เพียงแค่ 6 % เท่านั้น ยังมีจังหวัดที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยแล้ง อีกตั้ง 14 จังหวัด
แม้ช่วงนี้จะเข้าสู้ฤดูฝนมีฝนตกเกือบทุกวันมาหลายแล้ว และล่าสุทางสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) คาดการณ์ว่า อิทธิพลของพายุ NURI จะทำให้มีฝนตก และจะมีปริมาณน้ำไหลลงแหล่งน้ำขนาดใหญ่รวมกว่า 400 ล้าน ลบ.ม.แล้วก็ตาม แต่ศูนย์ปฏิบัติการนำอัจฉริยะ กรมประทาน รายว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มิ.ย. 63) สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศจำนวน 447 แห่ง มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 32,353 ล้าน ลบ.ม. (43% ของความจุอ่างฯ) ปริมาณน้ำใช้การได้ 8,702 ล้าน ลบ.ม. หรือ17% ของความจุน้ำใช้การ เท่านั้น
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำใช้การน้อยกว่าหรือเท่ากับ 30% ของความจุอ่าง จำนวน 31 แห่ง คือ ภูมิพล สิริกิติ์ แม่งัดสมบูรณ์ชล แม่กวงอุดมธารา กิ่วคอหมา แควน้อยบำรุงแดน แม่มอก ห้วยหลวง น้ำพุง จุฬาภรณ์ อุบลรัตน์ ลำปาว ลำตะคอง ลำพระเพลิง มูลบน ลำแชะ ลำนางรอง สิรินธร ป่าสักชลสิทธิ์ ทับเสลา กระเสียว ศรีนครินทร์ วชิราลงกรณ์ ขุนด่านปราการชล คลองสียัด บางพระ หนองปลาไหล ประแสร์ นฤบดินทรจินดา แก่งกระจานและปราณบุรี
สำหรับสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยฯ และป่าสักฯ) ปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 7,709 ล้าน ลบ.ม. (31% ของความจุอ่างฯ) เป็นปริมาณน้ำใช้การได้ 1,013 ล้าน ลบ.ม. หรือเพียง 6% ของความจุน้ำใช้การ
ส่วน ผลการจัดสรรน้ำฤดูฝนปี 2563 ทั้งประเทศ แผนการจัดสรรน้ำ 11,975 ล้าน ลบ.ม. จัดสรรน้ำไปแล้ว 3,741 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 31 เจ้าพระยา แผนการจัดสรรน้ำ 3,250 ล้าน ลบ.ม. จัดสรรน้ำไปแล้ว 1,402 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 43
ขณะที่ แผน-ผลการเพาะปลูกข้าวนาปี ปี 2563 ในเขตชลประทาน (ข้อมูล ณ วันที่ 10 มิ.ย.63) ทั้งประเทศ แผนเพาะปลูกข้าวนาปี 16.79 ล้านไร่ เพาะปลูกแล้ว 3.31 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 19.73 ของแผน ลุ่มน้ำเจ้าพระยา แผนเพาะปลูกข้าวนาปี 8.1 ล้านไร่ เพาะปลูกแล้ว 1.54 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 18.98 ของแผน โดยพื้นที่ทุ่งบางระกำ แผนเพาะปลูก 265,000 ไร่ เพาะปลูกแล้ว 265,000 ไร่ คิดเป็นเป็นร้อยละ 100 ของแผน
อย่างไรก็ตาม ยังมีจังหวัดที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2562 จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ตาก บึงกาฬ มหาสารคาม บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา และจันทบุรี
รวมทั้งสิ้น 93 อำเภอ 507 ตำบล 4,678 หมู่บ้าน/ชุมชน 3 เทศบาล (ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ณ วันที่ 16 มิ.ย. 63)