สหกรณ์การเกษตรทั่วไทยร้อมใจเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกนาปี ตั้งเป้าฤดูกาลนี้กว่า 4 ล้านตัน ข้าวเปลือกหอมมะลิพุ่งแล้วแตะ กก.ละ13.80 บาท

สหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศพร้อมใจเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกนาปีจากเกษตรกรในพื้นที่ ตั้งเป้าปีนี้รวบรวมข้าวเปลือกไม่น้อยกว่า 4 ล้านตัน ขณะที่ราคาข้าวหอมมะลิพุ่งแตะกก.ละ 13.80บาทแล้ว คาดว่าราคารับซื้อข้าวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังสหกรณ์การเกษตรหลายจังหวัดรับซื้อข้าวจากเกษตรกรในราคานำตลาดตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายนิรันดร์ มูลธิดา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สหกรณ์ในหลายพื้นที่ได้พร้อมใจกันเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกนาปีจากเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหกรณ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ ชั้นดีของประเทศ ซึ่งจากการสำรวจพบว่าราคาข้าวในหลายจังหวัดขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ 12.50 – 13.80 บาท เป็นราคาที่สหกรณ์รับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิใหม่(สด) ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ดำเนิน “โครงการสหกรณ์รับซื้อนำตลาด”

ทั้งนี้เพื่อให้สหกรณ์การเกษตรเข้าไปรับซื้อผลผลิตในราคายุติธรรมและนำตลาด เช่นที่ สหกรณ์การเกษตรกุดชุม จำกัด จังหวัดยโสธร จัดโครงการตลาดนัดข้าวเปลือกและประกาศรับซื้อข้าวจากเกษตรกรในราคานำตลาด ตันละ 100 – 200 บาทขึ้นไป ขณะที่สหกรณ์การเกษตรเพื่อตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร้อยเอ็ด จำกัด ก็รับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิสดความชื้น 25% ราคา 13.80 บวกค่าจอดอีก 200 บาทต่อตัน เช่นเดียวกับสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัดจ.ร้อยเอ็ด ซึ่งอยู่ในแหล่งปลูกข้าวพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ รับซื้อ “ข้าวเปลือกหอมมะลิ” ในราคาสูงสุดถึงกิโลกรัมละ 13.80 บาท

สำหรับแผนการดำเนินโครงการตามมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2568/69 นี้ สหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกร จำนวน 428 แห่ง ในพื้นที่ 57 จังหวัด มีแผนในการรวบรวมข้าวเปลือก จำนวน 4 ล้านตัน และมีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 วงเงิน 12,000 ล้านบาท จำนวน 133 แห่ง ในพื้นที่ 37 จังหวัด ซึ่งมีสหกรณ์ได้รับสินเชื่อชะลอฯแล้ว 1 แห่ง วงเงิน 499.71 ล้านบาท ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด จังหวัดร้อยเอ็ด

ส่วนโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2568/69 วงเงิน 28,000 ล้านบาท (เงินทุน ธ.ก.ส. 10,000 ล้านบาทและเงินทุนของสหกรณ์ 18,000 ล้านบาท) มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ 295 แห่ง ในพื้นที่ 57 จังหวัด ขณะนี้มีสหกรณ์ 8 แห่ง ได้รับสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวจาก ธ.ก.ส. แล้ว วงเงิน 1,418.33 ล้านบาท ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรศุภนิมิตจุน จำกัด จังหวัดพะเยา สหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดินสุวรรณภูมิหนึ่ง จำกัด สหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดินสุวรรณภูมิสาม จำกัด สหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดินสุวรรณภูมิสี่จำกัด สหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดินสุวรรณภูมิห้า จำกัดสหกรณ์การเกษตรปทุมรัตน์ จำกัด สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ร้อยเอ็ด จำกัด และสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด จังหวัดร้อยเอ็ด และมีสหกรณ์ส่วนหนึ่งใช้เงินทุนของสหกรณ์เองและขอกู้เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน 2,611.57 ล้านบาท

“สหกรณ์การเกษตรที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์การตลาดทั้งฉาง โกดัง ลานตาก เครื่องชั่ง และโรงอบลดความชื้นจากรัฐบาล ทำให้สหกรณ์มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อเข้าสู่โรงสีของสหกรณ์สำหรับแปรรูปเป็นข้าวสาร และส่วนหนึ่งได้จำหน่ายให้โรงสีของเอกชน ซึ่งผลการรวบรวมข้าวเปลือกนาปี จนถึงขณะนี้ มีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร จำนวน 249 แห่ง ในพื้นที่ 44 จังหวัดเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกไปแล้ว 499,337.03 ตัน มูลค่า 4,529.61 ล้านบาท แบ่งเป็น ข้าวหอมมะลิ 254,152.66 ตัน ข้าวหอมจังหวัด 5,950.09 ตัน ข้าวหอมปทุม 35,653.75 ตัน ข้าวขาว 107,384.15 ตัน ข้าวเหนียว 94,491.29ตัน และข้าวพื้นเมือง 1,705.09 ตัน และยังคงเปิดจุดรับซื้อข้าวจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่องจนสิ้นสุดฤดูกาล” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว