บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ร่วมแชร์ประสบการณ์ การดำเนินธุรกิจสู่เป้าหมายปล่ อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net-Zero ในการประชุมวิชาการนานาชาติ “16th Asia Pacific Roundtable on Sustainable Consumption and Production” ส่งเสริมความร่วมมือในการขั บเคลื่อนการผลิตและการบริโภคที่ ยั่งยืน
นายพีรพงศ์ กรินชัย รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านวิศวกรรมกลาง ซีพีเอฟ ร่วมเสวนาในหัวข้อ “ความร่วมมือเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุ ทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Transition with Collaborative Actions) ในการประชุมวิชาการนานาชาติฯ ซึ่งจัดโดย สมาคมส่งเสริมการผลิตและการบริ โภคที่ยั่งยืน (ประเทศไทย) หรือ ThaiSCP ร่วมกับ เครือข่ายส่งเสริมการผลิ ตและการบริโภคที่ยั่งยืนแห่ งเอเชียแปซิฟิก(APRSCP) เพื่อส่งเสริมความร่วมมื อและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ ที่มีบทบาทในการขับเคลื่ อนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยื น สู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรื อนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ณ โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส กรุงเทพฯ
นายพีรพงศ์ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุ ตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ที่มีการลงทุนในหลายประเทศทั่ วโลก และส่งออกสินค้ามากกว่า 40 ประเทศ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุ รกิจสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊ าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero)ในปี 2050 ซึ่งการเสวนาในวันนี้ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และประสบการณ์ในสิ่งที่ซีพี เอฟดำเนินการ เพื่อมุุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่ อยก๊าซเรือนกระจก ในปี 2030 และ ปี 2050 เป็นการแลกเปลี่ยนวิธีการดำเนิ นการต่างๆ และทิศทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยล่าสุด หลังจากที่ซีพีเอฟได้แสดงความมุ่ งมั่นต่อองค์กร Science Based Target Initiative (SBTi) แล้ว จึงได้กำหนดให้ใช้ข้อมูลการปล่ อยก๊าซเรือนกระจกของซีพีเอฟทั่ วโลกในปี 2020 เป็นปีฐาน เพื่อวางแผนและกำหนดเป้ าหมายของซีพีเอฟทั่ วโลกในการลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจก เป็นเป้าหมายของปี 2030 และ เป้าหมายปี 2050 เพื่อมุ่งสู่ Net-Zero ซึ่งยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ซีพีเอฟมีความมุ่งมั่นที่ จะไปสู่เป้าหมายดังกล่าวให้ได้
สำหรับการเสวนา ในหัวข้อ “ความร่วมมือเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุ ทธิเป็นศูนย์ ได้นำประสบการณ์และเรื่องที่ ได้ดำเนินการมาเป็นเวลานานแล้ว ด้วยการนำแนวทาง BCG เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular- Green- Economy Model -BCG) มาใช้ อาทิ การใช้พลังงานชีวภาพ (Biogass)ในการผลิตไฟฟ้า ในฟาร์มสุกรและคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ ที่มีการนำมูลสัตว์มาหมักเป็ นแก๊ส และนำแก๊สไปผลิตไฟฟ้า ขณะเดียวกัน ในปี 2022 ซีพีเอฟได้ประกาศจุดมุ่งหมายชั ดเจนในการยกเลิกการใช้เชื้อเพลิ งจากถ่านหิน (Coal Free 2022) สำหรับกิจการในประเทศไทย และเปลี่ยนมาใช้พลังงานชี วมวลจากไม้สับแทน
นอกจากนี้ ปัจจุบัน ซีพีเอฟมีสัดส่วนการใช้พลั งงานหมุนเวียน (พลังงานชีวภาพ พลังงานชีวมวล และพลังงานแสงอาทิตย์) อยู่ที่ 27% ของการใช้พลังงานทั้งหมด ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกได้ 690,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยจะพยายามขยายการผลิตพลั งงานเหล่านี้เพิ่มขึ้นรวมทั้งมี การนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ ในกระบวนการผลิต อาทิ การติดตั้งโซลาร์เซล ซึ่งในปี 2566 นี้ จะดำเนินการได้ 65 เมกะวัตต์ โดยจะติดตั้งในฟาร์ มและโรงงานมากกว่า 200 แห่งของซีพีเอฟ และมีเป้าหมายในปี 2568 จะดำเนินการให้ได้ 100 เมกะวัตต์
นายพีรพงศ์ กล่าวย้ำด้วยว่า ซีพีเอฟในฐานะบริษัทผู้ผลิ ตอาหารชั้นนำของโลก ได้ประกาศเป้าหมายกลยุทธ์ความยั่ งยืน CPF 2030 Sustainability in Action ซึ่งภายใต้เป้าหมายดังกล่าว บริษัทฯมุ่งมั่นมีส่วนร่วมขั บเคลื่อนการผลิตและการบริโภคที่ ยั่งยืน ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักเศรษฐกิ จหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อให้บรรลุเป้าการปล่อยก๊ าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึง การดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคั ญกับการดูแลคู่ค้าในห่วงโซ่อุ ปทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่ อมหรือเอสเอ็มอี ที่่มีความสำคัญต่อห่วงโซ่อุ ปทานการผลิตอาหาร ช่วยให้ซีพีเอฟสามารถผลิ ตอาหารที่มีคุณภาพสูงได้ มาตรฐานปลอดภัยได้อย่างต่อเนื่ องในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ การระบาดของโควิด-19 ซึ่งนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ มีแนวทางช่วยเหลือผู้ ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยการปรับลดระยะเวลาเครดิ ตเทอม หรือ การชำระเงินค่าสินค้าและบริ การภายใน 30 วันให้แก่คู่ค้าผู้ ประกอบการเอสเอ็มอีของซีพี เอฟประมาณ 6 พันราย เพื่อช่วยเหลือให้มีสภาพคล่ องทางการเงินที่ดี ช่วยรักษาธุรกิจเดินหน้าต่ อไปได้ และปัจจุบัน ยังได้ขยายโครงการความช่วยเหลื ออย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ เปิดตัวโครงการ “CPF x BBL เสริมสภาพคล่อง…เคียงข้างคู่ค้ า” มอบสินเชื่อหมุนเวียนด้วยดอกเบี้ ยพิเศษ เพื่อช่วยให้คู่ค้าเติบโตไปด้ วยกันอย่างยั่งยืน