ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนสิงหาคม2564 ข้าวเปลือกเหนียว-ปาล์มฯมันฯ-น้ำตาลทรายส่อสดใส

  •  
  •  
  •  
  •  

ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ชี้ผลจากปัญหาภัยธรรมชาติของประเทศคู่ค้าและมาตรการล็อกดาวน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ทำให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนสิงหาคม 2564 ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว มันสำปะหลัง น้ำตาลทรายดิบ และปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพาราแผ่นดิบ สุกร กุ้งขาวแวนนาไม และโคเนื้อมีแนวโน้มราคาปรับลดลง

     นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส.คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนสิงหาคม2564 โดย สินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่

    ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15%ราคาอยู่ที่ 8,419-8,465 บาท/ตันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.30 – 0.84เนื่องจากปัจจัยบวกจากการเจรจาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศจีน บังกลาเทศ และอินโดนีเซีย

     ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวราคาอยู่ที่ 10,335-10,537 บาท/ตันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.30-2.26เนื่องจากสต็อกของผู้ประกอบการเริ่มลดลง จึงคาดว่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้น

     มันสำปะหลังราคาอยู่ที่1.98 – 2.02 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.51 – 2.54 เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยสูงขึ้น ประกอบกับประเทศจีนยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่องจากพื้นที่ในประเทศประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปี ส่งผลให้ผลผลิตข้าวโพดลดลง จึงมีการนำเข้ามันสำปะหลังจากไทยทดแทนเพื่อใช้ผลิตเอทานอล

     น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 17.67-18.19 เซนต์/ปอนด์ (12.79-13.17 บาท/กก.)เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.50-4.50 เนื่องจากคาดว่าประเทศจีนจะมีการนำเข้าน้ำตาลในปริมาณที่เพิ่มขึ้น และจากความกังวลเรื่องน้ำค้างแข็งในประเทศบราซิลที่เกิดขึ้นในภาคกลางและภาคใต้ซึ่งเป็นภูมิภาคปลูกอ้อยที่มากที่สุดของประเทศในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2564 ทำให้ผลผลิตอ้อยของบราซิลได้รับความเสียหาย

      ปาล์มน้ำมันราคาอยู่ที่6.27-6.31 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.12-0.87 เนื่องจากความต้องการน้ำมันปาล์มของประเทศอินเดียซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของโลกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาปาล์มน้ำมันยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ จากปัจจัยกดดันของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง จากการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของประเทศสหรัฐอเมริกา

     ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 10,166 – 10,288 บาท/ตันลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.91 – 2.08 เนื่องจากค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาส่งออกข้าวของไทยลดลง ประกอบกับปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ส่งผลให้สามารถส่งออกข้าวได้เพียงร้อยละ 30 ของปริมาณคำสั่งซื้อเท่านั้น

    ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 8.11 – 8.17 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.30 – 1.00 เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เริ่มออกสู่ตลาด

    มากขึ้นในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว (ประมาณร้อยละ 8.0 ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด)ทั้งนี้ ปัญหาฝนตกในหลายพื้นที่อาจเป็นอุปสรรคในการเก็บเกี่ยวผลผลิต อาจทำให้ผลผลิตออกน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ผู้ประกอบการยังมีการนำเข้าวัตถุดิบอื่นมาผลิตอาหารสัตว์เพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศมีราคาสูง

    ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3ราคาอยู่ที่ 48.00 – 49.00 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.04 – 2.08 โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากสต็อกยางพาราโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น และแนวโน้มการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่ยังรุนแรงมีผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงนักลงทุนในตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้า ถึงแม้ราคายางพาราในประเทศจะได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่อ่อนค่าลงก็ตาม

     สุกรราคาอยู่ที่70.55-71.26 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.34–1.33 เนื่องจากภาครัฐยกระดับมาตรการปิดสถานที่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาทิ การงดรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร โรงเรียนและสถาบันศึกษาให้ใช้วิธีการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรลดลง

     กุ้งขาวแวนนาไมราคาอยู่ที่133.69 – 135.32 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50 – 1.70 เนื่องจากคาดว่าจะมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดต่อเนื่องในเดือนสิงหาคมจะส่งผลให้ความต้องการบริโภคกุ้งในประเทศลดลง สำหรับการส่งออกกุ้งของไทยคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั้งจากการขาดแคลนแรงงานและประเทศผู้นำเข้าที่มีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพกุ้งของไทย

      โคเนื้อราคาอยู่ที่ 94.90-95.25 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.05 – 0.42เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อโคในประเทศลดลงจากปัจจัยด้านอาหารตามธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นในช่วงเข้าสู่ฤดูฝน ประกอบกับปริมาณโคเนื้อที่เพิ่มขึ้นมากกว่าความต้องการบริโภค