เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่น่าจับตามอง โดยมีการเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้นและให้โอกาสบรรษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนภายในประเทศ
นับตั้งแต่ปี 2560 เวียดนามได้กลายเป็นประเทศที่นำเข้าสินค้าจากประเทศไทยมากที่สุด แซงหน้าประเทศมาเลเซียที่เคยเป็นแชมป์อย่างยาวนาน ทั้งมีแนวโน้มจากอัตราการขยายตัวของการนำเข้าสินค้าไทยในปี 2561 เวียดนามมีการขยายตัวที่มากกว่ามาเลเซีย ทำให้ปัจจุบันเวียดนามจึงเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงสุดในอาเซียนของไทยด้วยสถิติปี 2561 (ม.ค.-พ.ย.)ไทยมีการส่งออกไปเวียดนามสูงถึง 378,011.70 ล้านบาท
รายงานของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอจิมินห์ ที่ระบุว่า สินค้าของประเทศไทยนับได้ว่าเป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวเวียดนามไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้า อุปกรณ์ในครัวเรือน และ อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีราคาที่สูงกว่าสินค้าของคู่แข่งในตลาด เช่น สินค้าจากจีน ราวร้อยละ 10 – 20 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ชาวเวียดนามพิจารณาว่าสินค้าของไทยมีคุณภาพและราคาที่สมเหตุสมผลกว่าสินค้าจากประเทศอื่นๆ
โดยรายงานสรุปว่าความนิยมสินค้าไทยของคนเวียดนามสืบเนื่องมาจากปัจจัย 5 ประการ ประกอบไปด้วย
- การลงทุนของกลุ่มผู้ประกอบการไทย-ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนร้านสะดวกซื้อ เช่น ห้างสรรพสินค้า Robinson ซุปเปอร์มาเก็ต Big C ร้านสะดวกซื้อ B’s mart ซุปเปอร์มาเก็ต MM Megamarket เป็นต้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้สินค้าของไทยเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกในตลาดเวียดนาม จากการทำการศึกษาพบว่าผู้บริโภคชาวเวียดนามมีความเต็มใจที่จะยอมจ่ายเงินให้กับสินค้าไทยหลายประเภทผ่านช่องทางการค้าข้างต้น อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม นมผงเด็ก อุปกรณ์เสริมความงาม และเครื่องใช้ไฟฟ้า
- ราคาสมเหตุสมผล-จากผลการศึกษาพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่มักจะเลือกซื้อสินค้าไทยมากกว่าสินค้าเวียดนามโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงราคาเป็นตัวตั้ง เช่น นมวัว เครื่องอุปโภคบริโภค ขนม น้ำดื่ม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องแต่งกายที่นำเข้าจากประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญการตลาดชาวเวียดนามหลายคนชี้ว่า ภาพลักษณ์ของสินค้าไทยในตลาดเวียดนามถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก
- ภาพลักษณ์สินค้าไทยที่มีคุณภาพสูง-ถึงแม้เมื่อเปรียบเทียบสินค้าไทยและเวียดนามในราคาเท่ากัน ผู้บริโภคยังคงนิยมเลือกซื้อสินค้าไทยมากกว่า ทั้งยังมีคุณภาพที่สามารถเทียบเท่ากับสินค้าญี่ปุ่นและเกาหลีใต้และยังมีราคาที่ถูกกว่าอีกด้วย
- บรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม – อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สามารถดึงดูดความสนใจลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้าได้คือการบรรจุภัณฑ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นสินค้าจากประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตราสัญลักษณ์ Made In Thailand ซึ่งผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ก็ให้ความสำคัญกับการบรรจุภัณฑ์ที่แสดงออกถึงความเป็นไทย
- กระแสนิยมไทย –นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามที่เดินทางมาประเทศไทยมีจำนวนกว่า 9 แสนคนต่อและนิยมบริโภคสินค้าไทยและเกิดความชื่นชอบสินค้านานาชนิด ทำให้เมื่อกลับประเทศก็ได้ซื้อสินค้าติดไม้ติดมือมาเป็นจำนวนมาก และเมื่อกลับมายังประเทศเวียดนามจึงนำไปบอกต่อให้กับผู้อื่น จึงทำให้เกิดกระแสนิยมสินค้าไทยในหมู่ชาวเวียดนามขึ้น
นอกเหนือจากปัจจัยด้านที่เรียบเรียงมา ยังมีเหตุผลที่เกื้อหนุนที่ทำให้คนเวียดนามนิยมใช้สินค้าไทย อาทิ เศรษฐกิจยังพุ่งทะยานสูงขึ้น เศรษฐกิจเวียดนามยังเติบโตสูงถึง 6.68 % สังคมเมืองยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง (Urbanization) ขณะที่รัฐบาลเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นแรงหนุนให้เกิดการขยายตัวของตลาดการค้าการลงทุนในภาคธุรกิจ
ผลที่ตามมาคือ คนเวียดนามมีกำลังซื้อ รายได้ต่อหัวของชาวเวียดนามเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึงปีละ 10% ปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 2,108 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 74,000 บาท ชนชั้นกลางมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 60 ของประชากรเวียดนามอยู่ในวัยหนุ่มสาว ซึ่งเป็นกลุ่มที่แนวโน้มจับจ่ายใช้สอยมากในตลาดค้าปลีก
จากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าคงเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการที่ต้องการขายสินค้าในเวียดนาม ได้กำหนดกลยุทธ์ในการบุกตลาดที่ถูกต้อง
ที่มา : bangkokbanksme.com