น้ำบริสุทธิ์จากต้นไผ่ จากภูมิปัญญาชุมชน สู่สิผลิตภัณฑ์เด่นศูนย์เรียนรู้บ้านท่าไม้ยาวที่ด่านมะขามเตี้ย

  •  
  •  
  •  
  •  

จากประสบการณ์ที่อยู่ในชุมชนมาช้านาน และได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นจากรุ่นสู่รุ่นในการนำน้ำบริสุทธ์จากต้นไผ่ ทำให้ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนบ้านท่าแย้ ม.6 ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี “ธเนศ เมฆนาคา” นำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์น้ำดื่มบริสุทธิ์จากธรรมชาติ จนกลายเป็นสินค้าเด่นของศูนย์เรียนรู้บ้านท่าไม้ยา ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย ในเวลานี้ 

ครูธเนศ ในฐานะประธานศูนย์เรียนรู้บ้านท่าไม้ยาว และเจ้าของผลิตภัณฑ์น้ำดื่มบริสุทธ์จากต้นไผ่ บอกว่า จากประสบการณ์ที่อยู่กับป่าเขาลำเนาไพรมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ทราบว่าไผ่ทุกกอทุกต้นมีน้ำ คนเก่าคนแก่ใช้ภูมิปัญญาในการผลิตน้ำดื่มบริสุทธ์จากต้นไผ่ด้วยการผ่านกรรมวิธีง่าย ๆ เขาจึงนำมาต่อยอดจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของศูนย์ฯในเวลานี้

ครูธเนศ บอกว่า การจะได้น้ำไผ่ต้องมาเอาตอนกลางคืนเท่านั้น เพราะธรรมชาติของต้นไผ่กลางคืนเขาจะคายน้ำส่วนเกินออกมา ส่วนกลางวันจะอมน้ำ และการให้น้ำแบบนี้เป็นการระบายน้ำส่วนที่เกินของเขาและเก็บน้ำไว้เท่าที่จำเป็น ซึ่งขั้นตอนในการเอาน้ำจากต้นไผ่ เริ่มจากการเลือกลำต้นไผ่ต้องไม่อ่อนเกินไป ต้องมีอายุ 3 ปีขึ้นไป สังเกตุจะสีของต้นจะต้องไม่สีเขียวสดและไม่มีเปลือกไผ่ห่อหุ้ม นั่นบ่งบอกได้ว่าเป็นต้นไผ่ที่พร้อมให้น้ำ

จากนั้นนำอุปกรณ์ที่เรียกว่าสว่านมาเจาะตรงลำต้นเข้าไปในเนื้อไผ่ลักษณะทะแยง แต่อย่าให้ทะลุกลางปล้อง แล้วนำสายยางมาเสียบเข้าไปในลำต้นของไผ่ นำปลายสายยางใส่ในถุง โดยทำแบบนี้กับต้นไผ่ทุกลำ พร้อมนำปลายสายยางมารวมไว้เพื่อน้ำจากต้นไผ่ไหลมารวมในถุงเดียวกัน ใช้เวลา 3-5 ชั่วโมงจะได้น้ำไผ่เฉลี่ยประมาณ 10 ลิตร แต่ต้องขึ้นอยู่กับช่วงไหน ถ้าช่วงแล้งจะให้น้ำน้อย แต่ถ้าช่วงหน้าฝนจะได้เยอะหน่อยหลังจากที่ได้น้ำมาเก็บไว้ในถุงจากนั้นนำเอาไปกรองผ้าขาวบาง3 ชั้นเพื่อกำจัดเศษเนื้อไผ่ที่ติดมากับน้ำแล้วนำไปบรรจุขวดเพื่อจำหน่าย หรือส่วนอีกรูปแบบนำน้ำจากไผ่ผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรท์เพื่อฆ่าเชื้อโรคแล้วนำมาใส่ในบรรจุภัณฑ์ส่งถึงมือผู้บริโภคต่อไป

“น้ำบรรจุใส่ขวดโดยไม่เติมสานปรุงแต่งอะไรเลยเป็นน้ำไผ่บริสุทธ์ 100% เก็บไว้ได้ไม่เกิน 6-10 ชั่วโมง เพราะธรรมชาติของน้ำไผ่ถ้าเจออุณหภูมิสูงจะเสียง่าย แต่ถ้าแช่น้ำแข็งแบบนี้จะรักษาคุณภาพอยู่ได้เป็นอาทิตย์ แต่ถ้าแช่เย็นเก็บได้ไม่เกินสัปดาห์ ส่วนน้ำที่ผ่านกระบบวนการพาสเจรอ์ไรท์เก็บไว้ได้ไม่เกิน 1 เดือน” ครูธเนศ กล่าวและ น้ำจากต้นไผ่เป็นน้ำบริสุทธ์จากธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างแม้กระทั่งกรดยูริก

อย่างไรก็ตาม หลังทีมวิจัยบริษัทเอกชนมาสุ่มตรวจพบว่า มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ มีสรรพคุณช่วยระบาย ขับถ่ายคล่อง ช่วยผู้ป่วยเบาหวาน ความดัน ที่สำคัญต้นทุนน้อยเพราะได้มาจกาธรรมบารติล้วน ๆ ขายกันในราคาขวดละ 20 บาท ถ้าเป็นแบบพาสเจอร์ไรท์ขวดละ 50 บาท โดยตลาดหลักอยู่ในละแวกชุมชน ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคณะมาศึกษาดูงาน เพราะน้ำจากไผ่ก็มีจำหน่ายที่ศูนย์เรียนรู้ฯแห่งเดียวเท่านั้น

ด้านนางสาวกาญจนา ป้อมสกุล หรือครูฝน วิทยาการประจำศูนย์ฯ กล่าวว่า ศูนย์ฯแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่เศษ มีกิจกรรมการแปรูปผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาลและผลิตภัณฑธ์จากพืชสมุนไพรต่าง ๆ โดยใช้วัตถุดิบในพื้นที่จากสมาชิกของศูนย์ อย่างเช่นฤดูมะม่วงก็จะแปรรูปเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่นมะม่วงกวน มะม่วงแช่อิ่ม หรือแยมมะม่วงหาวมะนาวโห่ ผลิตภัณฑ์จากฟักข้าว และผลิตภัณฑ์ชาชงจากหญ้าหวาน รวมถึงผลิตภัณฑ์น้ำจากต้นไผ่ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของศูนย์ด้วย

สำหรับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นั้นจะได้รับการสนับสนุนจากสหกรณ์การเกษตรด่านมะขามเตี้ยในการถ่ายทอดองค์คามรู้การแปรรูปผลิตภัณฑ์และพาสมาชิกไปอบรม ศึกษาดูงานตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งยังเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าของศูนย์ฯอีกด้วย

“สมาชิกของศูนย์ฯเราก็เป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรด่านมะขามเตี้ยด้วย เวลาที่สหกรณ์มีการจัดอบรมต่าง ๆ ก็จะมีเชื่อมโยงมาที่ศูนย์ฯ ที่สำคัญสหกรณ์ยังเป็นช่องทางการตลาดจำหน่ายสินค้าให้กับทางศูนย์ด้วย ทุกวันนี้เราเป็นเครือข่ายกัน เวลาเราอยากเรียนรู้อะไรก็มีการคุยกับทางสหกรณ์ บางครั้งมีคณะดูงานที่สหกรณ์ฯก็จะเชื่อมโยงมาที่ศูนย์ มีการแบ่งปันซึ่งกันและกัน” นางสาวกาญจนา กล่าวพร้อมบอกว่า ในอนาคตจะพัฒนาเป็นศูนย์ฯให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ทำเส้นทางเชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในชุมชน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องที่พักสำหรับไว้บริการนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน