สหกรณ์การเกษตรร้องกวาง ชูโพดเลี้ยงสัตว์-เหนียวสันป่าตอง หวังพลิกวิกฤตเป็นโอกาสยุคปุ๋ยแพง

  •  
  •  
  •  
  •  

สหกรณ์การเกษตรร้องกวาง พลิกวิกฤตยุคข้าวยากหมากแพง ชูจุดเด่นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-เหนียวสันป่าตองเพื่อโอกาสให้สมาชิก โอดปัจจุบันเกษตรกรกระทบหนัก ราคาปุ๋ยพุ่งเกือบ 200 % จากเดิมกระสอบละไม่เกิน 700 บาทมาเป็น 1,700 บาท ต้องรณรงค์ให้สมาชิกผลิตปุ๋ยให้เอง ลดปุ๋ยเคมีจากไร่ละ 3 กระสอบเหลือเพียงกระสอบเดียว 

นายสุรศักดิ์ สุปัญญา ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรร้องกวาง จำกัด ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ กล่าวว่า ช่วงนี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขึ้น ทางสหกรณ์การเกษตรร้องกวาง  รับซื้อหน้าโรงงานอยู่ที่ 12 บาทต่อกิโลกรัมที่ความชื้นไม่เกิน14% แต่เมื่อหักค่าบริหารจัดการก็จะได้ 11 บาทกว่า ซึ่งก็ยังสูงกว่าราคาประกันที่รัฐบาลจัดให้อยู่ดี แต่ปัญหาตอนนี้อยู่ที่ปุ๋ย(เคมี)ราคาแพงกว่าเดิมหลายเท่าตัว จากเดิมกระสอบละ 600-700 บาท ตอนนี้พุ่งไปที่ 1,600-1,700 บาทเรียบร้อยแล้ว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตข้าวโพดของสมาชิก

อย่างไรก็ตาม สหกรณ์พยายามหาทางออกด้วยการส่งเสริมให้สมาชิกผลิตปุ๋ยใช้เองและใส่ปุ๋ยเคมีในปริมาณที่น้อยลง จากเดิมที่ใส่ 2-3 กระสอบต่อไร่เหลือเพียงแค่กระสอบเดียว เพื่อลดต้นทุนการผลิต ขณะเดียวกันการที่รัฐบาลอนุญาตให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ แม้ระยะเวลาเพียง 3 เดือนก็ตาม แต่เชื่อว่ามีผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างแน่นอน

“ถ้ารัฐบาลนำข้าวโพดเข้ามาราคาลดลง มีผลกระทบแน่นอน ส่วนราคาปุ๋ยก็เพิ่มขึ้นจาก 600-700 บาทเป็น 1,700-1,800 บาทต่อกระสอบ ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น สหกรณ์ก็ช่วยสมาชิกหาปุ๋ยมาชดเชย ปุ๋ยอินทรีย์บ้าง ปุ๋ย มูลสัตว์บ้าง เกษตรกรบางคนบอกช้า เคยใช้ต่อไร่เท่าไหร่ก็ยังใช้เท่าเดิม” นายสุรศักดิ์ กล่าว

ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรร้องกวาง  กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสหกรณ์ฯมีสมาชิกจำนวนทั้งสิ้น 2,557 ราย มีทุนดำเนินงานกว่า 370 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจ 6 ด้าน ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจรับฝากเงิน ธุรกิจรวบรวมผลผลิต ธุรกิจแปรรูปผลผลิต ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย และธุรกิจบริการ โดยสมาชิกส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 50 ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รองลงมาเป็นข้าวเหนียวสันป่าตองหรือข้าวกข10 เนื่องจากพื้นที่ในเขตอำเภอร้องกวางนั้นส่วนใหญ่มีสภาพเป็นภูเขา ที่ราบน้อย การขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มจึงทำได้ยาก มีทางเดียวที่เป็นไปได้คือปลูกข้าวโพดหลังนาเพื่อให้ได้ผลผลิตเพิ่ม

สำหรับในฤดูการผลิตปี 64/65 ตัดยอดไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ที่ 8,604 ตันสด มูลค่า 61.08 ล้านบาท ส่วนข้าว 6,000 กว่าตัน ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้งหมดจะส่งขายให้กับโรงงานแปรรูป CPF Betagro และคู่ค้าทั่วไป ส่วนข้าวจะส่งให้โรงสีที่จ.พิจิตร นอกจากข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้วสมาชิกก็ยังปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพรเสริมรายได้ แต่ก็มีส่วนน้อย เพราะที่นี่มีปัญหาเรื่องแหล่งน้ำยังขาดแคลนอยู่