สรุปเขื่อนรับน้ำได้อีกกว่า 3.1 หมื่นล้าน ลบ.ม. กระทรวงเกษตรฯเตรียมผุด “สร้างรายได้ พัฒนาอาชีพให้เกษตรกร” 51 จังหวัด

  •  
  •  
  •  
  •  

กระทรวงเกษตรฯ สรุปรายงานสถานการณ์น้ำตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.63 ถึงปัจจบัน พบประทบ 26 จังหวัด พื้นที่การเกษตรเสียหายรวม 281,964 ไร่ ในพื้นที่ 12 จังหวัด ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง ทั่วประเทศมี 44,982 ล้าน ลบ.ม. เป็นน้ำใช้การได้ 21,050 ล้าน ลบ.ม. ยังสามารถรับน้ำได้อีก 31,115 ล้าน ลบ.ม.  ล่าสุดกำลังรวบรวมข้อมูล เพื่อเตรียมเสนอโครงการสร้างรายได้ พัฒนาอาชีพเกษตรให้สมาชิกสถาบันเกษตรกร 51 จังหวัดทั่วประเทศ

     นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์ติดตาม
และแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ที่ประชุมได้มีการรับฟังการรายงานสถานการณ์อุทกภัย น้ำไหลหลาก น้ำเอ่อล้นตลิ่งและวาตภัย จากเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ นับตั้งแต่ตั้งแต่ช่วงวันที่ 7 ต.ค.63 – ปัจจุบัน มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว จำนวน 26 จังหวัด ซึ่งขณะนี้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว 10 จังหวัด และยังคงมีอีก16 จังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา อุบลราชธานี ชัยภูมิ บุรีรัมย์ กำแพงเพชร อุทัยธานี ลพบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว กาญจนบุรีเพชรบุรี ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และจังหวัดสตูล

     อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน ได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยได้มีการรายงานปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ต.ค. 63) มีจำนวน 44,982 ล้าน ลบ.ม. เป็นน้ำใช้การได้ 21,050 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีก 31,115 ล้าน ลบ.ม. นอกจากนี้ ยังได้มีการสำรวจความเสียหายและประสิทธิภาพการรองรับน้ำของเขื่อน โดยใช้เครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อน ซึ่งขณะนี้สามารถรับมือและควบคุมสถานการณ์ได้ และได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ให้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้มีการสร้างการรับรู้และสร้างความมั่นใจต่อพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดด้วย

       สำหรับการรายงานสถานการณ์การเพาะปลูกข้าวนาปี รอบที่ 1 ปีการผลิต 2563 กรมชลประทานและกรมส่งเสริมการเกษตร ได้รายงานพื้นที่เป้าหมายการส่งเสริมการปลูกข้าว จำนวน 59.883 ล้านไร่แบ่งเป็น พื้นที่ในเขตชลประทาน 16.787 ล้านไร่ ได้มีการเพาะปลูกไปแล้ว 14.04 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน 43.096 ล้านไร่สำหรับในส่วนของผลกระทบด้านการเกษตร (ด้านพืช) มี 12 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา สตูล และจังหวัดตรัง มีเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ 75,834 ราย พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 281,964 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 116,099 ไร่ พืชไร่ 120,043 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 45,822 ไร่

        นอกจากนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังเตรียมเสนอโครงการสร้างรายได้และพัฒนาอาชีพเกษตรให้แก่สมาชิกสถาบันเกษตรกรมีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยเหลือสมาชิกสถาบันเกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงในปี 2563/64 ประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยให้สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมต่อไปได้ รวมถึงเพื่อสร้างรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาสในครัวเรือน และส่งเสริมพัฒนาระบบการบริหารจัดการน้ำในแปลงเกษตรกรรมของสมาชิกของสถาบันเกษตรกรให้เกิดประสิทธิภาพ โดยวางเป้าหมาย 51 จังหวัด ไปยังสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร 161 แห่ง และวางเป้าหมายเข้าถึงสมาชิกสถาบันเกษตรกร 3,000 ราย

       ทั้งนี้จะมีการรวบรวมข้อมูลและประชุมสรุปทางการดำเนินงาน โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายประภัตร โพธสุธน) เป็นประธานและจะนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน)พิจารณาเห็นชอบต่อไป