กระทรวงพาณิชย์ นำทีมเดินสาย เปิดพื้นที่ให้กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ จำหน่ายสินค้า พร้อมชี้ช่องให้ “สร้างโอกาสสินค้าเกษตรไทย ขยายตลาดส่งออกด้วยเอฟทีเอ” กับกับ 18 ประเทศทั้งในอาเซียน จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ล่าสุดถึงคิ 5 จังหวัดภาคกลางตอนล่าง จัดที่จังหวัดเพชนบุรี อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ชมมีผลิตภัณฑ์ชุมชนหลายรายการที่มีศักยภาพ สามารถที่จะพลักดันสู่ตลาดต่างประเทศได้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน “สร้างโอกาสสินค้าเกษตรไทย ขยายตลาดส่งออกด้วยเอฟทีเอ ณ ศูนย์การค้าโรบินสันไลน์สไตล์ จังหวัดเพชรบุรี ว่า การจัดงานครั้งนี้ จัดขึ้น 2 วัน ในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ 1-2 สิงหาคม 2563 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดพื้นที่ให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ในพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง 5 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และราชบุรี ได้นำสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปที่คัดสรรแล้วมาร่วมออกบูธจำหน่ายสินค้า
ทั้งนี้เพื่อช่วยเพิ่มรายได้และช่องทางการจำหน่ายสินค้าของเกษตรกร และผู้ประกอบการในพื้นที่ ตามนโยบายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายวีรศักดิ์หวังศุภกิจโกศล) ที่มอบหมายให้กรมเจรจาฯ เร่งช่วยฟื้นฟูและสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการในภูมิภาคต่างๆ ของไทยโดยเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19
ดังนั้นทางกรมเจรจาฯ จึงได้ร่วมสภาเกษตรกรแห่งชาติ คัดสรรสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปที่มีคุณภาพมาร่วมออกบูธจำหน่ายสินค้าภายในงาน เช่น น้ำมันมะพร้าวและผลิตภัณฑ์มะพร้าวทับสะแก สับปะรดเหลืองสามร้อยยอด นมอัดเม็ดจากสหกรณ์ โคนมห้วยสัตว์ใหญ่ ผ้าเขียนลายทอง ผลิตภัณฑ์กระเป๋าจากป่านศรนารายณ์ เครื่องสำอาง และเกลือทะเลขัดผิวเพื่อสุขภาพ เป็นต้นซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ที่มาเดินภายในงานอย่างมาก
นางอรมน อีกว่า ขณะเดียวกันภายในงานยังจัดให้มีเวทีสัมมนาสร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่องช่องทางการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ไทยทำกับประเทศคู่ค้า 13 ฉบับกับ 18 ประเทศเช่น อาเซียน จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นต้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน และประชาชนที่สนใจใช้โอกาสจากการที่ประเทศคู่เอฟทีเอเหล่านี้ ได้ลดหรือยกเลิกไม่เก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าที่ส่งออกจากไทยแล้วขยายการทำตลาดสินค้าไทยไปต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังจัดให้มีคลีนิกให้ข้อมูลและคำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับความตกลงการค้าเสรี อัตราภาษีนำเข้า-ส่งออกของประเทศคู่ค้า กฎระเบียบทางการค้า และขั้นตอนการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอตลอดจนภายในงานยังจัดให้มีกิจกรรมพิเศษ เช่น นาทีทองลดราคาสินค้า ตอบคำถามชิงรางวัลด้วยผู้ร่วมงาน “สร้างโอกาสสินค้าเกษตรไทย ขยายตลาดส่งออกด้วยเอฟทีเอ” จึงได้ทั้งชิม ช้อป และชิลกับสาระ ความรู้และความสนุกที่เป็นประโยชน์
ทั้งนี้ หลังจากการจัดงานที่จังหวัดเพชรบุรีในครั้งนี้ กรมฯ เตรียมจัดงานรูปแบบเดียวกันให้กับกลุ่มเกษตรกร ภาคเหนือตอนล่าง ที่จังหวัดพิษณุโลกในเดือนกันยายนต่อไป (รายละเอียดชมคลิปประกอบ)