กรมวิชาการเกษตร ล้ำหน้าพัฒนาชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงศัตรูพืชสูตรใหม่ชนิดผงได้สำเร็จ จากไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด “สไตเนอร์นีมา คาร์โปแคปซี” เผยเทคนิคการเลี้ยงต้องเติมเชื้อแบคทีเรียเพิ่มประสิทธิภาพกำจัดแมลง ชี้สูตรใหม่เกษตรกรใช้ได้ง่าย ช่วยรักษาคุณภาพไส้เดือนฝอย แถมผลิตภัณฑ์เก็บได้นานกว่าเดิม ล่าสุดรุดจดสิทธิบัตรสูตรสำเร็จแล้ว
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กลักษณะคล้ายเส้นด้าย สามารถทำให้แมลงเกิดโรคและตายในที่สุด ในประเทศไทยมีรายงานการใช้ไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงศัตรูพืชมาตั้งแต่ปี 2529 จนถึงปัจจุบันค้นพบว่าไส้เดือนฝอยสไตเนอร์นีมา คาร์โปแคปซี เป็นไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ในการกำจัดแมลงได้หลายชนิดกว่าไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงชนิดอื่น นอกจากนี้ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงชนิดนี้ ยังมีลักษณะพิเศษคือมีแบคทีเรียที่ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันซึ่งแบคทีเรียนี้นอกจากมีฤทธิ์ทำให้แมลงตายแล้วยังสร้างสารปฏิชีวนะยับยั้งจุลินทรีย์ชนิดอื่นที่จะเข้ามาปะปน ทำให้แมลงที่ตายด้วยไส้เดือนฝอยไม่เน่าเละ ไม่มีกลิ่นเหม็น และยังมีผลทำให้ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงสามารถขยายพันธุ์ได้ดีอีกด้วย
เสริมสุข สลักเพ็ชร์
ด้วยเหตุนี้ทางสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร ได้ทำการคันคว้าวิจัยการผลิตและการเก็บรักษาไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเพาะเลี้ยงไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงสามารถเลี้ยงขยายได้ง่ายๆ ด้วยตัวหนอน แต่ถ้าต้องการผลิตขยายเป็นปริมาณมากสามารถเพาะเลี้ยงได้ด้วยอาหารเทียมในสภาพปลอดเชื้อ และเลี้ยงแบบเติมเชื้อแบคทีเรียร่วมอาศัยไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงในอาหารเทียมด้วย เพื่อให้ได้ผลผลิตไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงในปริมาณมากมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพในการกำจัดแมลงสูง ในกรณีที่ไม่มีการเติมเชื้อแบคทีเรียร่วมอาศัย และไม่อยู่ในสภาพปลอดเชื้อนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ชนิดอื่นในขั้นตอนการเลี้ยง และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงมีคุณภาพและประสิทธิภาพต่ำทำให้แมลงไม่ตายหรือตายช้า
นอกจากนี้ สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืชยังได้พัฒนาวิธีการเก็บรักษาไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงสไตเนอร์นีมา คาร์โปแคปซี จากเดิมที่เก็บในชิ้นฟองน้ำสังเคราะห์แล้วบรรจุในถุงพลาสติก ซึ่งคงประสิทธิภาพได้นานกว่า 3 เดือน แต่มีข้อจำกัดในการใช้ที่ต้องนำฟองน้ำที่มีไส้เดือนฝอยมาบีบขยำในน้ำ 3 ครั้งจึงจะสามารถนำไปฉีดพ่นกำจัดแมลงศัตรูพืชได้ ซึ่งทำให้ยุ่งยากและมีไส้เดือนฝอยบางส่วนหลงเหลือติดอยู่ในชิ้นฟองน้ำสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
ดังนั้นจึงได้พัฒนาการเก็บรักษาไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงแบบผงดินบรรจุในขวดกระป๋องพลาสติกขาวทึบ ซึ่งสามารถเก็บรักษาได้เป็นเวลานานกว่า 6 เดือน โดยชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงแบบผงดินที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้ทำให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้ได้สะดวกเพียงเทผงดินที่มีไส้เดือนฝอยลงละลายในน้ำแล้วทำการพ่นกำจัดแมลงได้ทันที นอกจากนี้การเก็บไส้เดือนฝอยในกระป๋องยังสะดวกในการขนส่งและช่วยรักษาคุณภาพของไส้เดือนฝอยได้ดีอีกด้วย
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวอีกว่า ผลิตภัณฑ์ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลง ใช้ป้องกันกำจัดหนอนกินใต้ผิวเปลือกลองกอง ด้วงหมัดผัก ด้วงงวงมันเทศ ด้วงกินรากสตรอเบอรี่ หนอนกระทู้หอม หนอนผีเสื้อในโรงเห็ด และแมลงศัตรูในสนามหญ้า โดยควรพ่นชีวภัณฑ์หลังเวลา 17.00 น. และหลังให้น้ำ ควรเขย่าและคนเป็นระยะเพื่อให้ไส้เดือนฝอยกระจายในน้ำได้ทั่วถึง และใช้ให้หมดหลังเปิดกระป๋อง สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช พร้อมดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงขยายไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้สนใจที่ต้องการใช้ชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงแบบผง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช โทรศัพท์ 02-579-7580 ต่อ 135
สำหรับขั้นตอนการเลี้ยงไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงของกรมวิชาการเกษตร จะแตกต่างจากการเลี้ยงของหน่วยงานอื่นเพราะจะมีการเติมเชื้อแบคทีเรียในอาหารเทียมซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการเลี้ยงไส้เดือนฝอย เนื่องจากแบคทีเรียเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้แมลงตาย เมื่อเข้าสู่ตัวแมลงแล้ว แมลงจะเกิดอาการเลือดเป็นพิษ และตายในที่สุด จึงจำเป็นต้องเติมแบคทีเรียในขั้นตอนการเลี้ยง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับไส้เดือนฝอยในการกำจัดแมลงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังได้พัฒนาวิธีการเก็บรักษาไส้เดือนฝอยเก็บในผงดินบรรจุขวด ซึ่งนอกจากจะทำให้เก็บรักษาผลิตภัณฑ์ไว้ได้นานแล้ว ยังทำให้เกษตรกรนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย ซึ่งงานวิจัยนี้กรมวิชาการเกษตรได้ยื่นจดสิทธิบัตร “สูตรสำเร็จไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงแบบผง และการเก็บในภาชนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว