“พลังงาน”ไฟเขียว!! ลดค่าแก๊สหุงต้มถังละ 45 บาท มีผลวันที่ 24 มี.ค. นี้

  •  
  •  
  •  
  •  

ในที่สุดมติที่ประชุม กบง. ไฟเขียว ให้ลดราคาแก๊สหุงต้มขนาด 15 กก.ลงถังละ 45 บาท มีผลในวันที่ 24 มีนาคม 2563 พร้อมให้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะในราคา กก.ละ ไว้ที่ 13.62 บาท อีก 3 เดือน ขณะที่รถทั่วไปให้คงไว้ที่ กก.ละ ที่ 15.31 บาท ต่อไปอีก 5 เดือน  เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนจากภาวะเศรษฐกิจ และภาวะแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

       วันที่ 19 มีนาคม 2563  นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่กระทรวงพลังงาน ว่า ที่ประชุม กบง.ได้มีการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)หรือแก๊สหุงต้ม โดยกำหนดราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นจากเดิม 17.1795 บาท/กิโลกรัม เหลือ 14.3758 บาท/กิโลกรัม ทำให้ราคาขายปลีกแก๊สหุงต้มขนาดถัง 15 กิโลกรัม ราคาลดจาก 363 บาท เหลือ 318 บาท หรือลดลง 45 บาทต่อถัง เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2563 หลังจากการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (อบน.) ในวันที่ 23 มีนาคม 2563 นี้

      ทั้งเนื่องจากกระทรวงพลังงาน มีความห่วงใยต่อความเดือดร้อนของประชาชนที่กำลังเผชิญกับทั้งภาวะเศรษฐกิจ และการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 จึงได้มีการประชุม กบง.เพื่อหารือด้วยกันและมีมติดังกล่าว เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนในช่วงนี้ สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

   นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือจาก ปตท. ให้คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV ไว้ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับรถโดยสารสาธารณะ ในเขต กทม./ปริมณฑล  รถแท็กซี่  รถตุ๊กตุ๊ก รถตู้ ร่วม ขสมก. ในต่างจังหวัด และรถโดยสารมินิบัส สองแถว ร่วม ขสมก. รถโดยสาร รถตู้ ร่วม บขส. รวมถึงรถแท็กซี่  ต่อไปอีก 3 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 – 31 กรกฎาคม 2563) และให้คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV รถทั่วไปที่ 15.31 บาท/กก. ต่อไปอีก 5 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม–15 สิงหาคม 2363) เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน

       ส่วนการพิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมัน จะมีการหารือในที่ประชุม อบน.ในวันที่ 23 มีนาคม 2563 นี้เช่น เพืื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ปรับลดราคาลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณการจำหน่ายก๊าซ NGV ด้วย