ดลมนัส กาเจ
เมื่อครั้งที่เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ จ.สงขลา ไปกับ “โครงการการเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” กับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้มีโอกาสไปยังดงตาล หรือตาลโตนดแปลงใหญ่ที่สุดในประเทศไทยว่ากันว่ามีต้นตาลทั้งหมดกว่า 2 ล้านที่คาบสมุทรสะทิ้งพระ ไปดูกิจกรรมของ “กลุ่มโหนดทิ้ง” ที่มี ”บัณฑิต หนูเพชร” เป็นประธานกลุ่ม ที่หมู่ 4 ต.จะทิ้งพระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา ถือเป็นพืชเศรษฐกิจโบราณที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรปีละกว่า 200 ล้านบาท
บัณฑิต เล่าในระหว่างที่พาไปชมกิจกรรมต่างๆของกลุ่มว่า ที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีการผลิตน้ำโตนดที่ทำมาหลายชั่วอายุคนมาแล้ว ก็ยังมีการนำผลตาลทำเป็นอาหารคาวหวานหลายรายการ ถึงขนาดมีการส่งออไปยังประเทศมาเลเซียด้วย มีทั้งน้ำตาลโตนดบริสุทธิ์ไม่ใส่สี ไม่ใส่สารกันบูดทั้งในรูปแบบของน้ำแว่น น้ำตาลปีบ หรือน้ำตาลเหลว น้ำทรายแดง
นอกจากนี้ผลตาลผลสามารถนำมารับประทาน หรือใช้ทำเป็นขนมก็ได้ อาทิ ผลเมื่อสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม สามารถทำเป็น “ลูกตาลลอยแก้ว” หัวลูกตาลอ่อน นำมาต้มให้สุกใช้รับประทานกับน้ำพริกได้ หรือนำมาต้มกับน้ำปลาร้าที่เรียกว่า “ต้มปลาร้าหัวตาล” ขณะที่ผลลูกตาลสุกจะใช้เนื้อเยื่อสีเหลืองที่หุ้มเมล็ดนำมาทำเป็นขนมตาล ส่วนเมล็ดทิ้งไว้จนรากงอก แล้วเนื้อเยื่อข้างใน สามารถนำมาเชื่อมทำเป็นลูกตาลเชื่อม หรือใช้ผสมกับแป้งทำเป็นขนมหวาน จาวตาลเชื่อม ผลอ่อนนำมาแกง ผัด หรือต้ม เป็นต้น แม้แต่ เปลือกตาลส่วนที่เป็นกะลาใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง ทำถ่านที่มีคาร์บอนสูงเป็นพิเศษ และกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
ส่วนใบตาล ใบอ่อนนำมาใช้ในการจักสาน งานฝีมือ หรือทำเป็นของใช้ ของเล่นสำหรับเด็กๆ ใบแก่นำมาไปใช้ทำหลังคากันแดดกันฝน ทำเสื่อ สานตะกร้อ ตะกร้า สานกระเป๋า ทำหมวก ทำลิ้นปี่ ทำแว่นสำหรับทำน้ำตาลแวน
ที่กำลังฮือฮาในปัจจุบันคือผลิตภัณฑ์จากใยตาล มีกระเป๋าใยตาลประกอบโครงไม้ตาล ,กระเป๋าใยตาลประกอบหนังแท้,.ประเป๋าใยตาลถัก,หมวกใยตาลถัก,โคมไฟใยตาล,กล่องทิชชู่ กล่องเอนกประสงค์จากใยตาล, เป็นซึ่งผลิตภัณเหล่านี้ มีราคาตั้งแต่ 300 บาท ยันถึงราคาเกือบ 1 หมื่นบาทขายทั้งในประเทศไทยและส่งออกไปต่างประเทศด้วย (รายละเอียดในคลิป)
สนใจรายละเอียดสอบถามได้ที่โทร.โทร : 08-1609-2863