กรมเจรจาฯ-สภาเกษตรกรฯลุยภาคตะวันออก“ชี้ช่องทางรวยจากเอฟทีเอ”ให้เกษตรกร

  •  
  •  
  •  
  •  

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจับมือสภาเกษตรกรแห่งชาติ ตะลุยลงพื้นที่ภาคตะวันออกพบปะเกษตรกร และจัดสัมมนา “ชี้ช่องทางรวยจากเอฟทีเอ” เพื่อชี้แนะช่องทางให้เกษตรกรพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อส่งออกในกลุ่มประเทศที่ลงนามว่าด้วยการค้าเสรี

       นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดี กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 7-9 มกราคม 2562 ทางกรมเจรจาฯ ร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดปราจีนบุรี และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ลงพื้นที่ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อพบปะกลุ่มเกษตรกรในภาคตะวันออก พร้อมได้จัดสัมมนาเรื่อง “การเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี ครั้งที่ 2” เพื่อให้ข้อมูลกับเกษตรกรใช้ประโยชน์จากความตกลงเอฟทีเอทั้ง 13 ฉบับที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ เพื่อส่งออกสินค้าเกษตรไทย

      สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้พบปะกับเกษตรกรกลุ่มต่างๆ อาทิ  กลุ่มผลไม้สด/แปรรูป (กระท้อนหยีและมะดันแช่อิ่ม), กลุ่มสมุนไพรเกษตรอินทรีย์บ้านดงบัง ซึ่งผลิตพืชสมุนไพรวัตถุดิบส่งให้กับโรงพยาบาล อภัยภูเบศร ทั้งขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร เพชรสังฆาต หญ้าปักกิ่ง, และ กลุ่มไม้ดอกไม้ประดับบ้านดงบัง ที่เพาะปลูกต้นไม้จำหน่ายทั่วประเทศและตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะทุเรียน ขนุน มะขาม โมก ไข่ดาว พวงคราม ทองอุไร ซึ่งพบว่า เป็นกลุ่มสินค้าเกษตรที่มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจและส่งออก โดยการเปิดเสรีทางการค้าของไทยจะช่วยเกษตรกรไทยให้สามารถขยายตลาดส่งออกได้ เช่น พืชสมุนไพรสดและแห้งรวมถึงขมิ้นชัน ไพล กระชายดำ ไปญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สารสกัดจากพืชรวมขมิ้นชัน ใบบัวบก ไปจีน ญี่ปุ่น อินเดีย ผลไม้สด/แห้งไปญี่ปุ่น อินเดีย ตลอดจนไม้ดอกไม้ประดับไปจีน เป็นต้น

         “ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ส่วนใหญ่ประเทศปลายทางได้ลดภาษีศุลกากรนำเข้าจากไทยเป็นศูนย์แล้วภายใต้เอฟทีเอ นอกจากนี้ ไทยยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนงานวิจัยในการยืดอายุผลไม้แปรรูป และการหาปริมาณสารสรรพคุณในพืชสมุนไพรเฉพาะถิ่น รวมถึงการพัฒนาต่อยอดการแปรรูปผลไม้และสมุนไพรในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า รักษาฐานการผลิตสินค้าเกษตร และสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย” นางอรมน กล่าว

         อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวอีกว่า นอกจากที่ทางกรมเจรจาฯ ได้ลงพื้นที่แล้ว ยังได้จัดเสวนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ช่องทางรวยของสินค้าเกษตรจาก FTA” และ “ทำอย่างไรให้สินค้าเกษตรสู่ตลาดต่างประเทศ” ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 ณ โรงแรมแคนทารี 304 อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ให้กับเกษตรกรกว่า 120 คน จากปราจีนบุรี นครนายก จันทบุรี ตราด และสระแก้ว เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องเขตการค้าเสรี การใช้ประโยชน์จากความตกลงเอฟทีเอ กฎระเบียบทางการค้า นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า โดยเน้นสินค้าที่มีศักยภาพในพื้นที่ และในระหว่างงาน ได้เปิดเวทีวิเคราะห์สินค้าให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ด้านการส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างวิทยากร ผู้ประกอบการ และเกษตรกรด้วย

         “กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เชื่อมั่นว่า การผลึกกำลังร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการช่วยสร้างมูลค่าและยกระดับสินค้าเกษตรในชุมชนให้มีคุณภาพได้มาตรฐานสากลเพื่อให้สามารถเข้าถึงช่องทางการจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และการเข้าสู่ตลาดอาเซียน และที่สำคัญยิ่งคือ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าให้กับเกษตรกรโดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีซึ่งจะทำให้เกษตรกรเข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างเข้มแข็งมั่นคงในระยะยาว” อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าว

        ด้าน น.ส.บุณิกา แจ่มใส่ ผู้อำนวยการวำนักพัฒนาความพร้อมทางการค้า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวระหว่างสัมมนาว่า กรมเจรจาฯมีหน้าที่โดยตรงในการที่จะเจรจาด้านการค้าระหว่างประเทศ แต่กระนั้นการที่กรมเจรจาฯจะนำผลิตภัณฑ์ไปเสนอหรือเจรจานั้นต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามที่ตลาดนั้นๆต้องการ ที่สำคัญต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของอย่างผลิตภัณฑ์ด้านอาหารต้องการรับรองจาก อย.หากเกษตรกรหรือผู้ประกอบการที่สนใจจริงสามารถที่จะปรึกษาได้อย่างในต่างจังหวัดสามารถที่จะปรึกษาถึงแนวทางในการที่จะพัฒนาผลิตอย่างไรให้ตรงกับตลาดต้องการจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้

        “ถ้าเราพัฒนาผลิตภัณฑ์เราให้มีคุณภาพ ตอนนี้ช่องทางของตลาดกว้างมากโดยเฉพาะช่องทางออนไลน์เราสามารถที่จะใช้ประโยชน์ได้อย่างมหาศาล ยิ่งตอนนี้ไทยได้ตกลงทำการเสรีกับหลายประเทศถึง 13 ฉบับทั้งในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน และประเทศอื่นๆไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ อินเดีย เกาหลีใต้ เราต้องใช้สิ่งเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์ให้ได้” น.ส.บุณิกา กล่าว  
  

          ขณะที่ว่าที่ร้อยตรีสมพูนทรัพย์ กล้าวิกรณ์ เลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรมีการแปรรูปแล้วจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร สมุนไพร และของใช้ที่จำเป็นแต่ไม่มีการส่งออกทั้งที่ประเทศไทยมีการนามลงว่าด้วยเขตการค้าเสรีกับหลายประเทศมานานแล้ว เนื่องจากยังขาดองค์ความรู้โดยเฉพาะตลาดนำการผลิต ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นหน่วยรัฐหน่วยงานแรกที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จึงได้ร่วมมือตลอดมาตั้งแต่ปี 2556 เพื่อที่จะหาแนวทางในการพลักดันให้สินค้าเกษตรได้มีโอกาสส่งออกได้บ้าง ประเด็นหลักคือเน้นให้เกษตรกรผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและรูปลักษณ์บรรภัณฑ์ที่สวยงามเป็นต้น