กรมเจรจาการค้าฯรุกภาคตะวันออกติวเข้ม“ชี้ช่องทางรวยจากเอฟทีเอ”ให้เกษตรกร

  •  
  •  
  •  
  •  

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จับมือพันธมิตรสภาเกษตรกรแห่งชาติ เดินหน้าผลักดันเกษตรกร ภาคตะวันออก เพิ่มการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี รุกตลาดอาเซียน โดยจะจัดโครงการ “การเพิ่ม ศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี ครั้งที่ 2” ณ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อมุ่งพัฒนาเกษตรกรในภาคตะวันออก เพิ่มการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี และยกระดับการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าที่เป็นไป ตามมาตรฐานสากล ให้สามารถขยายการส่งออกและจําหน่ายภายในประเทศต่อไป

           นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2562 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้จับ มือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติจัดโครงการ “การเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” จํานวน 6 ครั้ง ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรเพื่อสุขภาพและปลอดภัย (Food Health and Safety) โดยจะจัดโครงการ “การเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี ครั้งที่ 2” โดยจะมีการเสวนาเชิง ปฏิบัติการเรื่อง “ช่องทางรวยของสินค้าเกษตรจาก FTA” และ “ทําอย่างไรให้สินค้าเกษตรสู่ตลาด ต่างประเทศ” ให้กับเกษตรกรจํานวน 100 คน จากปราจีนบุรี นครนายก จันทบุรี ตราด และสระแก้ว ณ โรงแรมแคนทารี 304 อําเภอศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี

          ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องเขต การค้าเสรี การใช้ประโยชน์จากความตกลงเอฟทีเอ กฎระเบียบทางการค้า นําไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถใน การแข่งขันทางการค้า โดยเน้นสินค้าสมุนไพร ขิง ข่า กระชาย ไผ่ ไม้ดอกไม้ประดับ และผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าที่ มีศักยภาพในพื้นที่ ในระหว่างงาน จะมีการเปิดเวทีวิเคราะห์สินค้าให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงแลกเปลี่ยน ข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ด้านการส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างวิทยากร ผู้ประกอบการ และเกษตรกร ด้วย

          “กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ มั่นใจว่า การผนึกกําลังร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งกลไกในการช่วยสร้างมูลค่าและยกระดับสินค้าเกษตรในชุมชนให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐานสากล เพื่อให้สามารถเข้าถึงช่องทางการจําหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกโดยเฉพาะตลาดอาเซียน และที่สําคัญยิ่ง คือ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเกษตรกรโดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีซึ่งจะทํา ให้เกษตรกรเข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างเข้มแข็งมั่นคงในระยะยาว” นางอรมน กล่าว