ช้อปกระจายงาน “โอทอปศิลปาชีพ” 3วัน ยอดทะลุกว่า 230 ล้าน

  •  
  •  
  •  
  •  

ช้อปกระจายงาน “โอทอปศิลปาชีพ” ครั้งที่ 7 ดันกระแสผ้าทอไทยฟีเวอร์ เพียงยอดขาย 3 วันทะลุกว่า 230 ล้านบาท เผยสถานการณ์โอทอปสุดฮอตปีนี้ยอดขายกว่า 157,638 ล้านบาท คาดการณ์อีก 2 เดือนข้างหน้า ทำยอดทะลุเป้า 189,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 23.25 % ระบุตลาดที่มีแนวโน้มความต้องการสูงสุดเป็น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อิตาลี สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส

          เมื่อวันที่13 สิงหาคม 2561 ซึ่งเป็นวันที่ 3 ที่กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้จัดงาน“ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี” ครั้งที่7 ประจำปี 2561 ณ. อาคารชาเลนเจอร์ 1 – 3 อิมแพ็ค เมืองทอง   เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยในการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาของคนไทย การส่งเสริมอาชีพ การดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ตลอดจนเพื่อสร้างรายได้ให้กับกลุ่มอาชีพที่เป็นสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพฯและผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP  และงานนี้ได้รับเกียรติจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม 2561 เวลา 17.30 น.

          สำหรับบรรยากาศในการจำหน่ายวันที่ 3 เต็มไปด้วยคึกคักตั้งแต่เช้า กรมการพัฒนาชุมชนได้จัดโปรโมชั่นลดกระหน่ำตลอดวัน พร้อม หลากหลาย OTOP ของฝาก 76 จังหวัดและอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นถิ่น OTOP ชวนชิม และการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ Hilight จากมูลนิธิศิลปาชีพ (ผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์จากมูลนิธิส่งเสริม- ศิลปาชีพฯ) ผลิตภัณฑ์ของสุดยอดงานศิลป์ ศิลปิน OTOP โดยคัดเลือกผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีความโดดเด่น วิจิตรตระการตา มีอัตลักษณ์ เอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีมูลค่าสูงจากศิลปิน OTOP และผู้ประกอบการ OTOP จานวน 100 ราย การจัดแสดงและจาหน่ายเสน่ห์ผ้าไทย (เสน่ห์เส้นใย ผ้าทอไทยกว่าแสนผืน) อาทิ ผ้าไหมแพรวา จ.กาฬสินธุ์, กลุ่มหัตถกรรมพื้นบ้านราชบุรีวัดนาหนอง จ.ราชบุรี, กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านเจ้าวัด (ลาวครั่ง) จ.อุทัยธานี และผ้าชาวเขาประยุกต์ร่วมสมัย จ.เชียงใหม่ เป็นต้น

          การจัดแสดงผลิตภัณฑ์ชุมชนของหมู่บ้านข้างพระตาหนัก 4 ภูมิภาค และการจัดแสดงและจาหน่าย OTOP Signature ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ สาธิต และจาหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ของจังหวัด มีความโดดเด่น เป็นที่รู้จักทั่วไป เชื่อมโยงการท่องเที่ยวในชุมชน อาทิ ชาชัก จ.สตูล, ผ้าทอมัดหมี่ โคกเจริญ จ.ลพบุรี, จักสานบางเจ้าฉ่า จ.อ่างทอง น้ามันเหลือง จ.ตราด และขนมสาลี่ จ.สุพรรณบุรี เป็นต้น

          นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวถึงยอดจำหน่ายในรอบ 3วันที่ผ่านมาว่า สามารถทำยอดขายได้รวมทั้งสิ้น 230.18 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดจำหน่าย 3 วันมูลค่า 215.8 ล้านบาท และยอดสั่งซื้อสินค้า 14.38 ล้านบาท และมีผู้เข้าชมงานจำนวน73,000 คน โดยเฉพาะในวันแม่วันที่ 12 สิงหาคม 2561 นั้นมียอดจำหน่ายสูงสุดมูลค่า 114.32 ล้านบาทและยอดสั่งซื้อ8.6 ล้านบาท โดยงานยังคงมีไปจนถึงวันที่ 19 สิงหาคม 61 จึงอยากเชิญชวนคนไทยที่ยังไม่ได้มีโอกาสเข้าชมงานได้มาสัมผัสจับจ่ายความสวยงามของผ้าทอไทยที่นำมาจัดแสดงและจำหน่ายกว่า 1แสนผืน

           อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคในประเทศต่าง ๆ กำลังอยู่ในกระแสบริโภคนิยมสินค้าที่เป็นธรรมชาติ สินค้าที่อิงกับวัฒนธรรม สินค้าที่ส่งเสริมสุขภาพ การมีส่วนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือสินค้าที่ช่วยสนับสนุนชุมชน รวมถึงกระแสความนิยมในความเป็นเอเซีย ดังนั้น สินค้า OTOP จึงมีโอกาสส่งสินค้าไปขายในตลาดอาเซียนได้มากขึ้นจากการที่มีประชากรรวมกว่า 590 ล้านคน รวมถึงมีโอกาสในการขยายช่องทางตลาดไปยัง ASEAN+3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) และ ASEAN+6 (ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และ อินเดีย) รวมไปถึงสามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แรงงานและวัตถุดิบการผลิตที่มีความหลากหลายให้เกิดประโยชน์ต่อการดาเนินธุรกิจได้ โดยเฉพาะสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออก และสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาดประเทศเพื่อนบ้าน สินค้า OTOP จึงต้องเร่งพัฒนาสินค้า ทั้งด้านคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล

             ส่วนความต้องการผ้าไหมไทยในตลาดต่างประเทศที่มีแนวโน้มและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยตลาด อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อิตาลี สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ผ้าไหมไทยเป็นหนึ่ง ในงานฝีมือที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งมากขึ้นกว่าศตวรรษที่ผ่านมา นอกจากนี้ ประเทศไทยยังถูกตั้งให้กลายเป็นศูนย์กลางผ้าไหมแห่งอาเซียน และจะมีบทบาทสำคัญ ในการช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมผ้าไหมในภูมิภาคอาเซียน สำหรับจุดเด่นที่ทาให้ผ้าไหมของประเทศไทย ได้รับความนิยม เนื่องจาก  มีเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น จึงทาให้มีลายและรูปแบบที่มีความเป็นเอกลักษณ์ มีลักษณะจาเพาะมีความละเอียดอ่อน ประณีตงดงาม ซึ่งไม่มีชาติอื่นใดลอกเลียนแบบได้

            นอกจากนี้ยังเป็นสินค้าหัตถกรรมที่มีมูลค่าสูงเนื่องจากเป็นสินค้าที่ทาด้วยมือ จึงมีคุณค่าและมีมูลค่าสูง  ที่สำคัญ เป็นภูมิปัญญาไทย ด้วยเหตุนี้ผ้าไหมไทย ชาวต่างชาติและทุกคนจึงหลงรัก ในความสวยงาม และอยากเป็นเจ้าของ

[adrotate banner=”3″]

         “สถานการณ์การจำหน่ายสินค้า OTOP ทั่วประเทศ ณ. เดือนสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายกว่า 157,638 ล้านบาท คาดการณ์อีก 2 เดือนข้างหน้า จะมียอดจำหน่ายรวมกว่า 189,000 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 23.25 % จากปี 2560 อย่างแน่นอน เป้าหมายในการจำหน่ายในงาน “ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี” ครั้งที่ 7 ในปี 2561 นี้ คาดว่าจะมียอดเงินสะพัด ไม่ต่ำกว่า 900 ล้านบาท โดยเฉพาะในวันแม่วันที่ 12 สิงหาคม 2561 นั้นมียอดจำหน่ายสูงสุดมูลค่า 114.32 ล้านบาท ” นายอภิชาติ กล่าว