โดย…ดลมนัส กาเจ
“อันนี้พูดถึงคนที่มีความเชื่อนะค่ะว่า การเลี้ยงคุณกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง จะให้มีโชคลาภต้องพูดกับเขาดีๆ เลี้ยงด้วยความรัก ต้องมั่นดูแลเอาใจใส่ หากขอแล้วได้มา ก็ต้องให้รางวัลบ้าง อย่างของหนูขอมา พอได้แล้วหนูก็ให้รางวัล”
ไม่ได้ส่งเสริมและสนับสนุนในเรื่องของโชคลาภ โดยปราศจากการทำมาหากิน เพียงจะบอกว่า เรื่องลี้ลับ และความเชื่อส่วนบุคคลนั้น เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล ดั่งคำเปรียบเปรยที่ว่า “ไม่เชื่อ ก็อย่าหลบหลู่” เพราะคนไทยเรามีความเชื่อหลายๆอย่างตามกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยเฉพาะในเรื่องโชคลาง ความเป็นมงคล เสน่ห์หา เมตตามหานิยม และอยู่ยงคงกระพัน เป็นต้น
“คุณกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง”เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่คนไทยเรามีความเชื่อสืบต่อกันมาว่าเป็นพระโพธิสัตว์ไม่องค์ใดก็องค์หนึ่งที่ได้จุติลงมาเกิด เพื่อสร้างบารมีในชาตินั้นๆ จึงเชื่อว่า เป็นสัตว์แห่งโชคลาภ นั่นหมายถึงว่าใครเลี้ยง จะมีความมั่งคั่ง ร่ำรวย จะนำโชค นำความสุข ความเจริญมาสู่ผู้ที่ได้เลี้ยงนั่นเอง
ฉะนั้นการเลี้ยงกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง ถือเป็นการเสริมความมั่นใจให้กับผู้เลี้ยง แต่กระนั้นคนที่เลี้ยง ต้องเป็นมีความมุ่งมั่น และมีความซื่อสัตย์ และทำมาหากินอย่างสุจริต แต่คนไทยเราบางคนต้องยอมรับว่า พอทราบว่า “คุณกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง” เป็นสัตว์มงคล จะนำไปสู่การหาเงินแบบง่ายดาย โดยผันตัวสู่วงการพนันโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะใกล้วันประกาศรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล มักจะเอากระดาษเป็นชิ้นเล็กๆเขียนตัวเลข 0-9 ใส่คลุกกับข้าวตอกที่เป็นอาหารของ “คุณกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง”
จากนั้นพาการสังเกตุว่า “คุณกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง” จะดันกระดาษขึ้นเหนืออาหาร แล้วสังเกตุดูว่าเป็นเลขอะไร จึงนำไปสู่การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดิน “ จึงทำให้“คุณกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง”จะขายดีในช่วงที่ใกล้วันหวยออก
น้ำฝน ละอองรัตน์ แม่ค้าขาย “คุณกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง” ในตลาดคนเดิน ติดกับสวนสาธารณะทุ่งศรีเมือง เทศบาลนครอุบลราชธานี บอกว่า ไม่เคยทราบมาก่อนที่มาที่ไปของ“คุณกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง”เป็นมาอย่างไร มีถิ่นกำเนิดที่ไหน เพียงทราบว่าเลี้ยงแล้วดี ทางภาคเหนือเชื่อว่าจะมีโชค มีลาภ คนอื่นจะคิดอย่างไร หรือใครจะเชื่อในเรื่องนี้หรือไม่ สุดแต่ใครจะศรัทธา
สำหรับเธอแล้ว เชื่อว่ามีโชคดีแน่นอน เพราะไม่ได้ซื้อมา แต่เพื่อนเอามาให้จำนวนหนึ่งไม่ถึง 100 ตัว เมื่อ 6 ปีก่อน เลี้ยงไปเลี้ยงมาออกลูกจำนวนมาก เลยต้องคั่วข้าวตอกเองให้เป็นอาหารเองเพื่อประหยัด ระหว่างนั้นได้โพสต์ข้อความเฟสบุ๊คส์ ทำให้มีคนสนใจ ขอซื้อ จึงขายผ่านออนไลน์ กระทั่งมีถนนคนเดินที่ติดกับสวนศรีเมือง จึงนำไปขายประจำทุกวันศุกร์-เสาร์ –อาทิตย์ มีลูกค้าสนใจซื้อไปเลี้ยงทุกวันอย่างน้อยวันละ 1,000 บาท ยิ่งใกล้วันหวยออกจะขายดีมากขึ้น และผลพลอยได้คือได้ขายข้าวตอกทั้งคนซื้อไปรับประทาน และเป็นอาหารของ “คุณกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง” ด้วย
เธอ บอกว่า เดิมทีคิดตั้งราคาขาย “คุณกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง”ในราคา 29 ตัว 59 บาท ตอนหลังนับยาก จึงใช้วิธีตักและกะเอาเอง บางส่วนบรรจุขวดโหลมาจากบ้าน ขายราคาที่บรรจุขวดโหลเล็ก 59 บาท จนถึงราคา-300 บาท
“อันนี้พูดถึงคนที่มีความเชื่อนะค่ะว่า การเลี้ยงคุณกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง จะให้มีโชคลาภต้องพูดกับเขาดีๆ เลี้ยงด้วยความรัก ต้องมั่นดูแลเอาใจใส่ หากขอแล้วได้มา ก็ต้องให้รางวัลบ้าง อย่างของหนูขอมา พอได้แล้วหนูก็ให้รางวัล อาทิ ผลไม้ เป็นต้น” น้ำฝน กล่าว
[adrotate banner=”3″]
ตามข้อมูลระบุว่า คุณกระดิ่งเงิน กระดิ่งทอง มีชื่อเรียกตามบ้านว่า “มะเหมี่ยว” หรือ “ม่าเหมี่ยว” เป็นประเภทแมลง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า : Martinus dermestoides Framer อยู่ในวงศ์ Tenebrionidae ตัวขนาดเล็กปีกแข็ง สีน้ำตาลแก่จนเกือบดำ ลำตัวเป็นรูปทรงกระบอก ยาวประมาณ 4-6 มม.ลำตัวกว้างราว 2-3 มม.หัวโตหกเหลี่ยม มีหนวดแข็งยาว ปากยื่นออกมาส่วนท้ายมน
วิธีเลี้ยงคือ หาวัศดุที่ใช้สำหรับจะเลี้ยง อาทิ ขวดโหลแก้ว ตู้ประจก ตู้ปลา มา 1 ใบ ใส่ข้าวตอก ราวๆครึ่งหนึ่งของพาชนะที่เลี้ยง ปล่อยตัวกระดิ่งเงินกระดิ่งทองลงไปปิดฝาด้วยผ้าบางๆ ป้องกันบินออก แต่โดยปกติหากมีอาหารมักจะไม่บินไปไหน ตั้งในร่มๆหรืองร้านค้า เลี้ยงง่ายจะกินแต่ข้าวตอก หรือข้าวพอง ไม่ต้องให้น้ำ เป็นแมลงที่มีวงจรชีวิตราว 2 เดือน ตายแล้วซากตกตะกอนอยู่ใต้อาหาร จะเอาออกหรือไม่เอาออกก็ได้ ไม่เป็นอันตรายกับตัวอื่นๆ และไม่มีกลิ่นเหม็นด้วย แมลงชนิดขยายพันธุ์ได้เร็วมาก
ก็นับเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งของคนไทยเรา แต่ที่เห็นชัดคือแม่ค้าเลี้ยงแล้วมีโชคดีแน่นอน ไม่ได้ลงทุนเพราะเพื่อนให้มา แถมสามารถขยายพันธุ์ขายเป็นอาชีพเสริมได้ด้วย สามารถขายได้วันละหลักพันบาท แถมยังสามารถขายข้าวตอกที่เป็นทั้งอาหารคุณกระดิ่งเงิน กระดิ่งทองและคนด้วย