ภาพนี้จาก : thainews.seerada.com
จากกรณีที่สื่อออนไลน์ “ระนองนิวส์” ได้เสนอเรื่องราว ของเด็กชายวัย 15 ปี ใช้เชือกฟางมัดลากจูงรถเข็นวีลแชร์พานางจรัสศรี เผ่าจินดา วัย 29 ปี ผู้เป็นแม่ที่พิการเดินไม่ได้ และน้องสาววัย 5 ขวบ ออกเร่ขายผลไม้แพ็คตามข้างทางเป็นระยะทางวันละกว่า 3 กม.บนถนนเรืองราษฎร์ ต.เขานิเวศน์ อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ย่านธุรกิจการค้าขาย ตลาดกลางเมืองระนอง ก่อนจะปักหลักหน้าร้านสะดวกซื้อ
เรื่องราวของเด็กชายคนนี้ เกิดขึ้น เนื่องจากนางจรัสศรี บอกว่า ตัวเองเป็นผู้พิการแต่กำเนิด ส่วนสามีเป็นยามรักษาความปลอดภัย แต่ได้ลาออกจากงาน เธอพร้อมลูกๆ จึงออกมาขายผลไม้แพ็ค เพื่อหารายได้ให้กับครอบครัว ถึงแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยยากลำบาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจ เพราะไม่ได้ไปขอใครกินแต่ทำด้วยตัวเอง โดยรายได้จากการขายผลไม้แพ็ค แต่ละวันขายดีพอสมควร มีรายได้ตกคืนละ 300-350 บาท จนมีเงินเก็บออมไว้ได้จำนวนหนึ่ง ทำให้มีการแชร์ต่อๆกัน ถึงความกตัญญูของเด็กชายคนนี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2561 นางไพรวรรณ พลวัน รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รักษาการแทนปลัด พม.) เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ 49/2561 เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคม ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยมีผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวง ร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 8 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการยิบยกประเด็นกรณีเด็กหนุ่มวัย 15 ปี ใช้เชือกฟางลากจูงรถวีลแชร์ของผู้เป็นแม่วัย 29 ปี ที่พิการเดินไม่ได้ ออกตระเวนขายผลไม้ พร้อมน้องสาววัย 5 ขวบ เดินตามและช่วยเข็นรถวีลแชร์ด้านหลัง ครอบครัวมีฐานะยากจน ที่จังหวัดระนองด้วย
“ขอชื่นชมเด็กทั้ง 2 คนที่มีจิตใจเข้มแข็ง มีความกตัญญู ขยันหมั่นเพียร และมีความมุมานะอดทน มีความตั้งใจช่วยเหลือครอบครัว โดยไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ ได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระนอง (พมจ.ระนอง) พร้อมทีม One Home ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านและประเมินทางสังคมของครอบครัวดังกล่าวด้วย เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจด้านเด็ก และคนพิการ ของกระทรวง พม. พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น และอุปกรณ์การศึกษา ด้วย” นางไพรวรรณ กล่าว
[adrotate banner=”3″]
นอกจากนี้แล้ว ยังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ช่วยเหลือดูแลในเรื่องการศึกษาของเด็กทั้ง 2 คนอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และการรักษาพยาบาลของผู้เป็นแม่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง การให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องสวัสดิการสังคมแก่ครอบครัว เพื่อขอรับสิทธิตามกฎหมาย ตามความเหมาะสม พร้อมให้คำแนะนำในเรื่องการส่งเสริมการประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ที่เพียงพอและมั่นคงในระยะยาวต่อไป
นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับครอบครัว นางจรัสศรี เผ่าจินดา ที่มีลูกทั้งชายและหญิงที่กตัญญู จนได้การดูแลจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นอย่างดีในวันนี้