กิ่งตอนทับทิมอินเดีย “บังวา” เหี่ยวเฉา อย่าทิ้ง ปลูกได้ยังไม่ตาย (มีคลิป)

  •  
  •  
  •  
  •  

บังดล คนดิม

       “การสั่งซื้อกิ่งตอนทับทิมอินเดียพันธุ์บังวา ไม่ว่าจะเป็นสั่งซื้อมาทางออนไลน์ หรือไปซื้อเองจากแหล่งผลิต สิ่งหนึ่งที่จะเจอคือ กลับมาใบเหี่ยวเฉาร่วงจนหมด บางคนคิดว่ามันตาย เอาไปทิ้งอย่างน่าเสียดาย ความจริงยังไม่ตาย สามารถนำไปปลูกในอนุบาล หรือลงดินได้เลย”

      ทับทิมอินเดียพันธุ์ “บังวา” นับเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่สนใจ เพราะปลูกง่ายเหมาะอากาศในเมืองไทย ทนแล้งได้ดี ออกผลผลิตดก ผลโต รสชาติอร่อย กรอบ เมล็ดนุ่มราวกับไร้เมล็ด ราคาแพงถึง กก.ละ 180 บาท พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 130-150 ต้น มีผลผลิตถึงไร่ละ 5 ตัน

       ปัจจุบันมีการปลูกทับทิมอินเดียพันธุ์บังวา ไม่มากนัก มีการทอลองปลูกราวๆ 3 ปีที่ผ่านมา และมีกิ่มพันธุ์จำหน่ายแล้วราคาตกกิ่งละราว 250-300 บาท เป็นกิ่งตอน

       การสั่งซื้อกิ่งตอนทับทิมอินเดียพันธุ์บังวา ไม่ว่าจะเป็นสั่งซื้อมาทางออนไลน์ หรือไปซื้อเองจากแหล่งผลิต สิ่งหนึ่งที่จะเจอคือ กลับมาใบเหี่ยวเฉาร่วงจนหมด บางคนคิดว่ามันตาย เอาไปทิ้งอย่างน่าเสียดาย ความจริงยังไม่ตาย สามารถนำไปปลูกในอนุบาล หรือลงดินได้เลย รดน้ำ ปกติ (รายละเอียดในคลิป)

      การปลูกทับทิมบังวาปลูกง่าย ตายยาก ดูแลง่าย ขนาดแล้งก็ไม่ตาย แต่กระนั้นต้องดูแลบ้าง ใส่ปุ๋ยคอก 3 เดือน/ครั้ง สลับสูตร เสมอ 16-16-16 พอออกผลผลิต ใส่สูตร 8-24-24 บ้าง เพื่อเพิ่มรสชาติและความเข้มของสีเปลือกและสีเนื้อ ในส่วนของการให้น้ำก็เหมือนพืชทั่วไป รดน้ำ 2-3 วันครั้ง

      ในประเทศไทยไม่มีเกษตรกรที่ลูกทับทิมเชิงการค้า ที่เป็นกิจจะลักษณะเหมือนพืชเศรษฐกิจอย่างอื่นมีมาก เมื่อจะปลูกเยอะที่สุดที่ อ.พบพระ จ.ตาก ปัจจุบันเหลือน้อยส่วนใหญ่เป็นทับทิมพื้นเมืองปลูกไว้ตามบ้านเพื่อบริโภคกันเอง สวนที่ขายตามห้างสรรพสินค้าส่วนนำเข้าเกือบ 100 % ที่นำเข้าจากอียิปต์ อินเดีย สเปน จีน บางส่วนจากอเมริกา ในแต่ละปีไทยนำเข้าทับทิมมูลค่าปีละราว 500  ล้านบาท

        ส่วนทับทิมอินเดียพันธุ์บังวา เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมในการบริโภคในระดับสากล ทั้งการบริโภคผลสดและแปรรูปเป็นน้ำทับทิม เพราะมีประโยชน์ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ลดคลอเรสเตอรอล ปรับระดับความดันโลหิต บำรุงและพัฒนาสมอง เสริมสร้างสมรรถทางเพศ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยชะลอความแก่  แถมยังเป็นผลไม้มงคลที่ใช้สำหรับไหว้ด้วย ทำให้ราคาแพง ตามห้างฯจะขายผลละ 60-90 บาท

         สำหรับที่ปลูกในประเทศไทยพบว่า ผลใหญ่ 3-4 ผล/กก. บางผลมีขนาดถึง 500-700 กรัม ผิวสีผลสวย สีส้มแดง ผิวมัน เกลี้ยงเกลา เนื้อสีแดง สวย เมล็ดนิ่ม รสชาติหวาน กรอบอร่อย เป็นทับทิม 1 ใน 2 ของโลกที่เมล็ดนุ่มเหมือนไร้เมล็ดเหมือนทับทิมสเปน เมื่อนำมาปลูกในเมืองไทยก็สามารถติดผลและให้ผลผลิตที่ไม่ต่างจากที่ปลูกในอินเดีย แต่ละตนจะให้ผลผลิตเฉลี่ยต้นละ 30 กก.พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 130-150 ต้น ให้ผลผลิตไม่กว่าไร่ 5 ตัน หากต้นทับทิมอินเดียพันธุ์บังวา อายุ 2 ปีขึ้นไป สามารถให้ผลผลิตกว่าต้นละ 40 -80 กก. แต่ควรเลือกไว้ต้นละ 30 กก.ก็พอ เพื่อผลผลิตที่มีคุณภาพดี ผลใหญ่ สวย ที่สำคัญทับทิมสามารถติดผลได้ตลอดทั้งปีด้วย