“หมาล่า” พริกสมุนไพรจีน กับประโยชน์ดีๆ ที่มากับพร้อมรสชาติเผ็ดจนชาลิ้น

  •  
  •  
  •  
  •  

ปัจจุบันคนไทยรู้จัก“พริกหมาล่า” กันมากขึ้น  และนิยมกินกันมากในหมู่คนที่ชื่นชอบอาหารรสชาติจัดจ้าน  หมาล่า นำมาประกอบอาหารได้หลายประเภท  จะเป็นต้ม   แกง ผัด ทอด และที่นิยมทานกันคือปิ้งย่าง  คือนำมาทาเป็นซอสชุ่มๆแล้วเสียบไม้ย่าง เช่น หมู ไก่ กุ้ง เบคอน เห็ด แและผักต่างๆ ซึ่งในร้านชาบูนิยมนำมาเป็นส่วนผสมของน้ำซุปหมาล่า หรือนำไปผัดกับเนื้อสัตว์ และผัดจนหมาล่าแห้งเล็กน้อย หรือจะทานแบบลวก ในส่วนของจีนแถบปักกิ่งจะนำเนื้อสัตว์ลงในน้ำซุปหมาล่าที่ปรุงไว้ก่อนทาน สำหรบชาวเสฉวนจะนำเนื้อสัตว์ไปลวกก่อน แล้วจึงปรุงซุปหมาล่าในภายหลังอีกที

คนไทยเองก็มีสมุนไพรที่มีเชื้อสายเดียวกันกับฮวาเจียวด้วย นั่นคือ “มะแขว่น” เป็นเครื่องเทศของทางเหนือบ้านเรานี่เอง มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ คล้ายพริกไทยดำเช่นเดียวกัน สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเหมือนกับหารปรุงหมาล่า ทำเป็นซอสหมักเนื้อสัตว์ก่อนนำไปย่าง อบ ทอด หรือจะโปรยลงไปในอาหารจานผัด แกง หรือต้ม เพิ่มความเผ็ดร้อนให้กับอาหารจานนั้นได้ใกล้เคียงกับหมาล่าเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามการทานอาหารรสเผ็ดจัดมากเกินไป ก็อาจส่งผลถึงกระเพาะอาหารทำให้มีการผลิตกรดออกมาย่อยอาหารมากเกินความจำเป็นก็เป็นได้ อาจทำให้เกิดอาการแสบท้อง ปวดท้อง หรืออาจจะเสาะท้องจนท้องเสีย หรืออาจส่งผลเสียในระยะยาวต่อระบบการย่อยอาหารก็ได้ ฉะนั้นควรทานหมาล่าแต่พอดี

“หมาล่า” มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงเลือด ลดความดันโลหิต บลมในกระเพาะอาหาร กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร ขับระดูในสตรี ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ กลิ่นหอมฉุนของหมาล่า ใช้สูดดมแก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้หวัด คัดจมูก ช่วยในการขับเสมหะ ยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบในลำคอ และแก้ไข้ ช่วยดับพิษร้อนในร่างกาย หากแต่ต้องกินในปริมาณที่พอดี และรสเผ็ดและชาที่ลิ้นของพริกหมาล่า ช่วยให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น มีธาตุสังกะสี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยง่าย อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านเชื้อราและเชื้อไวรัสในร่างกาย

ที่มาข้อมูล : pantip.com, Sanook.com