ถึงแม้ว่า อะโวคาโด อาจจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าผลไม้ไทยอื่นๆ   แต่หากเมื่อเปรียบเทียบกับคุณประโยชน์ที่ได้รับแล้วจะรู้เลยว่ามันคุ้มค่าคุ้มกับราคาแค่ไหนกับราคาที่เราจ่ายไปหลายร้อยเท่า  เมื่อเรารู้จักกันแล้วว่ามากด้วยคุณประโยชน์ดีต่อร่างกายมากมายหลายด้าน ลองมาดูกันว่าอะโวคาโดผลไม้ชนิดนี้ทีดีขนาดไหนกันเชียวนะ

  

ซึ่งเมื่อปรียบเทียบกับคุณประโยชน์แล้วในอโวคาโด จะมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะผลไม้ชนิดนี้อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ อาทิเช่น วิตามินอี ช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งชลอวัย  ทั้งยังช่วยลดไขมันอุดตันในเส้นเลือด มีสารต้านริ้วรอยและเพิ่มความอ่อนเยาว์แก่ใบหน้า อีกทั้งยังช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โดยในอะโวคาโดจะมีโพแทสเซียมและโฟเลท ช่วยในการลดความดันโลหิต ได้ดีที่ดียว

อีกทั้งยังมีวิตามินมากมายหลายชนิด เช่่น ในผลอะโวคาคาโดมีวิตามินเอ เบต้าแคโรทีนที่ช่วยในการบำรุงสายตา ป้องกันโรคปากนกกระจอก วิตามินซีช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานได้รับการแนะนำให้บริโภค เพราะมีปริมาณน้ำตาลต่ำ คอเลสเตอรอลต่ำ และไม่มีโซเดียม ดีต่อผู้มีความเสี่ยงโรคหัวใจ เพราะอะโวคาโดมีกรดไขมันดี ช่วยลดไขมันเลว ลดไตรกลีเซอร์ไรด์ ป้องกันโรคหัวใจ และช่วยลดไขมันในเลือดอีกด้วย

 

การรับประทานอโวคาโด ในแต่ละวันไม่ควรทานเกินวันละ 1 ลูก เพราะเป็นผลไม้ หรืออาหารที่ให้พลังงานสูง  จากเนื้ออะโวคาโดสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารแทนได้ นอกจากนี้เรายังมีเมนูอร่อยเด็ดๆจากอะโวคาโด มานำเสนออีกเพียบสีสันน่าทาน เช่น สลัดอะโวคาโด อะโวคาโดสมูทตี้ ไอศกรีมอะโวคาโด และประกอบเป็นอาหารคาว-หวาน ได้อีกมากมาย

เรามีวิธ๊การเก็บอโวคาโดให้อยู่นานไม่ดำ อโวคาโดก็เหมือนผลไม้หลายๆ ชนิดถึงแม้ว่าจะเก็บไว้ในตู้เย็นก็ตาม    ยังอาจจะทำให้สีของเนื้อเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาลสีไม่สวย เพราะเนื้อผลไม้จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่เกิดจากสารประกอบที่อยู่ในอโวคาโดที่ เรียกว่า ฟินอล เจอกับอากาศ กลายเป็นสารประกอบที่มีชื่อว่า ควิโนน เมื่อควิโนนจับตัวกันเป็นโพลีเมอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น ก็จะเกิดเป็นเม็ดสีที่เรียกว่า เมลานิน นั่นเอง

ที่มา : ข้อมูล health.kapook.com. rabbitfinance.com

ผู้เรียบเรียง  : Fasai Jomjai