10 อันดับอาหารเพื่อสุขภาพ ที่แพทย์และโภชนากรของไต้หวันแนะนำ
หากคุณอยากจะหันมาดูแลเรื่องอาหารการกินให้ดีขึ้น แต่ชีวิตนี้รู้จักเพียงอาหาร 5 หมู่ ตามที่เคยเรียนมาในชั้นประถมเมื่อนานแสนนานมาแล้ว และไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะมี 3 ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งโภชนากร แพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนจีนของไต้หวัน มาเปิดคัมภีร์อาหารเพื่อสุขภาพ รวบรวมและจัดอันดับสุดยอดอาหารไว้ในหนังสือ “กินเปลี่ยนชีวิต ด้วยอาหาร 100 ชนิดจากธรรมชาติ”
จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ชี้แจงรายละเอียดสารอาหารแต่ละชนิดที่ช่วยให้ผู้อ่านเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพให้เหมาะสมกับตัวเอง โดยอาศัยมุมมองของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ศาสตร์ ด้วยวิธีที่ไม่ซับซ้อนเลย วันนี้จึงขอนำเนื้อหาบางส่วนจากในหนังสือมานำเสนอต่อผู้อ่าน มาดูกันว่า อาหารเพื่อสุขภาพยอดนิยม 10 อันดับ ที่ต้องกินให้ได้ แนะนำโดยแพทย์และโภชนากร (อ้างอิงจากวิถีชีวิตของคนปัจจุบันและความต้องการของร่างกาย) มีอะไรกันบ้าง
อันดับ 10 ปลาทูน่า
มีโปรตีนที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ไขมันต่ำเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี มีกรดไขมัน EPA และ DHA ที่ช่วยในการทำงานของเซลล์สมอง หากกินคู่กับผักผลไม้สีเขียวและสีเหลืองที่มีแคโรทีนจะช่วยบำรุงสมองและป้องกันมะเร็ง ไม่ควรกินปลาทูน่าคู่กับธัญพืชหรืออาหารจำพวกถั่วที่มีกรดไฟติก เพราะสารทั้ง 2 ชนิดนี้จะจับตัวกันกลายเป็นสารที่ละลายยาก ขัดขวางการดูดซึมโปรตีนของร่างกาย
อันดับ 9 ไข่ไก่
มีสารอาหารที่ร่างกายต้องการเกือบทุกชนิด โปรตีนในไข่ให้กรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการ นอกจากนี้ ยังมีดีเอ็นเอเลซิทิน วิตามินเอและบี การกินไข่ไก่ที่มีวิตามินอีคู่กับผักผลไม้สดที่มีวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างการทำงานของแอนติออกซิแดนต์ ป้องกันโรคมะเร็ง ชะลอความแก่ และบำรุงผิวพรรณ ไม่ควรกินไข่ไก่คู่กับชาหรือผลไม้บางชนิดที่มีกรดแทนนิก จะทำให้การบีบตัวของลำไส้ช้าลงจนเกิดอาการท้องผูก
อันดับ 8 ถั่วเหลือง (รวมถึงเต้าหู้และน้ำเต้าหู้)
อาหารที่ทำจากถั่วเหลืองอุดมไปด้วยกรดอะมิโน แคลเซียมเลซิทิน และสารฟลาโวนอยด์ที่ร่างกายต้องการ ช่วยให้เซลล์สมองเจริญเติบโต ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันมะเร็ง ช่วยชะลอความแก่ เมื่อกินถั่วเหลืองที่มีวิตามินกลุ่มบีคู่กับอาหารจำพวกแป้ง เช่น มันเทศที่เปลี่ยนแป้งเป็นกลูโคสจะช่วยให้กลูโคสถูกเผาผลาญกลายเป็นพลังงานจนหมด ไม่ควรกินถั่วเหลืองที่มีกรดไฟติกคู่กับตับหรือเนื้อสัตว์ที่มีธาตุเหล็ก กรดไฟติกจะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกาย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
อันดับ 7 ปวยเล้ง
อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคมะเร็ง บำรุงเลือด ช่วยให้สมองของเด็กเล็กเจริญเติบโต ชะลอความแก่ของเซลล์ บำรุงรักษาสายตา การกินปวยเล้งที่มีวิตามินเอคู่กับธัญพืช เมล็ดของผลไม้เปลือกแข็งและผักสีเขียวที่มีวิตามินอี จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเอได้ดีขึ้น ช่วยในการป้องกันโรคมะเร็ง และชะลอความแก่ แต่หากกินปวยเล้งที่มีกรดออกซาลิกคู่กับปลาที่มีก้างหรือปลาแห้งที่มีแคลเซียม สารทั้ง 2 ชนิดนี้ จะจับตัวกันกลายเป็นสารแคลเซียมออกซาเลต ส่งผลต่อการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายซึ่งอาจทำให้เป็นโรคนิ่วได้
อันดับ 6 ฮ่วยซัว
มีสารโดพามีน (dopamine) สารซาโปนิน (saponin) มิวโคโปรตีน (mucoprotein) และเยอร์มาเนียม (germanium) ในฮ่วยซัวช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายหรือเพิ่มจำนวน ปกป้องผนังกระเพาะอาหารและป้องกันโรคมะเร็ง การกินฮ่วยซัวที่มีเส้นใยอาหารคู่กับไข่และนมที่มีกรดทอรีน หรือปลา กุ้ง และหอย ช่วยบำรุงตับและหัวใจ ช่วยลดคอเลสเตอรอล แต่หากกินฮ่วยซัวที่อุดมไปด้วยแป้งคู่กับชาเข้มหรือผลไม้ที่มีสารแทนนิน สารทั้ง 2 ชนิดจะรวมตัวกันกลายเป็นลิ่มที่ย่อยยาก ผู้มีแก๊สในกระเพาะอาหารไม่ควรกิน เพราะจะทำให้กระเพาะและลำไส้ปั่นป่วน
อันดับ 5 แอปเปิล
สุดยอดผลไม้เพื่อสุขภาพ เพราะเส้นใยอาหารและโพแทสเซียมในแอปเปิลช่วยให้กระเพาะและลำไส้บีบตัว กระตุ้นให้ของเสียถูกขับออกจากร่างกาย ควบคุมคอเลสเตอรอลชนิดเลว บำรุงเส้นเลือด ลดอัตราการเกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ป้องกันท้องผูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ กินคู่กับผักสีเขียว เมล็ดของผลไม้เปลือกแข็งและธัญพืชที่มีวิตามินอีธาตุซีลีเนียมในแอปเปิลจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของแอนติออกซิแดนต์และระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหัวใจและโรคมะเร็ง และในแอปเปิลมีกรดแทนนิก จึงไม่ควรกินคู่กับปลาที่มีก้างหรือปลาแห้งที่มีแคลเซียม จะกลายเป็นสารชนิดหนึ่งที่ย่อยยาก ทำให้กระเพาะและลำไส้ปั่นป่วน
อันดับ 4 สาหร่ายทะเล
อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ แคลอรีต่ำ มีประโยชน์ในการขจัดสารพิษกระตุ้นเมแทบอลิซึม ลดความเครียดและวิตกกังวล ในสาหร่ายทะเลมีแคลเซียมสูง เมื่อกินคู่กับผักใบเขียว อาหารจำพวกไข่และนมที่มีวิตามินเคจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเคได้ดีขึ้น บำรุงกระดูก กระตุ้นการแข็งตัวของเลือดในขณะเดียวกันสาหร่ายมีไอโอดีน หากกินคู่ผักบางชนิดมีสารไทโอไซยาเนตที่ควบคุมการดูดซึมไอโอดีนของร่างกายติดต่อเป็นเวลานานๆ จะทำให้การทำงานของต่อมไทรอยด์เสียสมดุล
อันดับ3 มันเทศ
อาการท้องผูกเป็นสาเหตุของโรคที่เกี่ยวข้องกับความเคยชินในชีวิตประจำวัน มันเทศมีเส้นใยที่มีคุณสมบัติอ่อนนุ่มย่อยง่าย จึงทำให้ขับถ่ายคล่อง มีส่วนช่วยในการขจัดสารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกายรวมถึงป้องกันโรคต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็ง มันเทศจึงได้ชื่อว่าเป็นพืชแห่งการต้านมะเร็ง หากกินคู่กับผลไม้เปลือกแข็งและผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันจะช่วยให้วิตามินเอในมันเทศดูดซึมได้ดีขึ้น ไม่ควรกินมันเทศที่อุดมไปด้วยแป้งซึ่งจะทำปฏิกิริยาในทางลบกับกรดแทนนิกที่อยู่ในใบชาและผลไม้บางชนิด เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้กระเพาะและลำไส้ทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้ที่ท้องอืดท้องเฟ้อง่าย
อันดับ 2 หอมหัวใหญ่
ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งผัก เพราะมีคุณสมบัติควบคุมสารก่อมะเร็ง อุดมไปด้วยสารเควอซิติน (quercetin) และสารประกอบซัลเฟอร์หลายชนิด ทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกหลายด้าน หากกินคู่กับเนื้อสัตว์หรือเครื่องในสัตว์ที่มีวิตามินบี 1 ช่วยเสริมประโยชน์ของวิตามินบี 1 คลายความเมื่อยล้า กระตุ้นการเจริญเติบโต ไม่ควรกินหอมหัวใหญ่คู่กับผลไม้ที่ไม่ปอกเปลือกซึ่งมีไฟโทโครมเมื่อผ่านการย่อยจะทำให้เกิดสารที่ทำให้ต่อมไทรอยด์บวม
อันดับ 1 ข้าวกล้อง
ข้าวมหัศจรรย์เพื่อสุขภาพ แหล่งพลังงานชั้นยอดอุดมไปด้วยวิตามินกลุ่มบีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและเส้นใยอาหารที่ช่วยขจัดสารพิษ ทั้งยังมีแร่ธาตุมากมายรวมทั้งเอนไซม์ที่ช่วยบำรุงสุภาพกายใจ เรียกได้ว่ามีสารอาหารที่ร่างกายต้องการหลายชนิด หากนำมากินคู่กับต้นหอม กระเทียม หอมหัวใหญ่ กุยช่ายที่มีสารอัลลิซิน จะช่วยเสริมประโยชน์ของวิตามินบี 1 คลายความเมื่อยล้า บำรุงผิวพรรณ ไม่ควรกินข้าวกล้องคู่กับอาหารทะเลที่มีเอนไซม์ย่อยวิตามินบี 1 วิตามินบี 1 ในข้าวกล้องจะถูกทำลาย หากกินในปริมาณมากจะทำให้ร่างกายเมื่อยล้าและอารมณ์ฉุนเฉียว
ที่มา : http://www.parpaikin.com