กรมส่งเสริมการเกษตร ปรับกลไกการขับเคลื่อนระบบการบริหารจัดการคุณภาพและการป้องกัน
ควบคุม หนอนเจาะทุเรียนจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมให้เกษตรดำเนินการ 8 แนวทาง ยึดการจัดการในพื้นที่สู่เป้าหมายทุเรียนคุณภาพ
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร สั่งการปรับกลไกการขับเคลื่อน ระบบการบริหารจัดการคุณภาพและการป้องกัน ควบคุม หนอนเจาะทุเรียนจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้เกษตรจังหวัด ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และ สงขลา ดำเนินการตามแนวทาง ดังนี้ 1. สอบทานประสิทธิภาพมาตรการกรอง 4 ชั้น พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน โดยเฉพาะการคัดทุเรียนคุณภาพจากสวน ต้องตัดผลทุเรียนแก่เต็มที่ และบ่มเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ซึ่งมาตรการแบ่งออกเป็น 4 มาตรการ ได้แก่ มาตรการกรองชั้นที่ 1 การคัดทุเรียนผลแก่เต็มที่ และบ่มเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง มาตรการกรองชั้นที่ 2 บ่มทุเรียนแยกกองตามแหล่งที่มา 48 ชั่วโมง (เพื่อคัดแยกลูกหนอนเจาะ) และตรวจวัดเปอร์เซ็นต์แป้ง ทุเรียนมีเปอร์เซ็นต์แป้ง 32-35 เปอร์เซ็นต์ เมื่อบ่มครบ 48 ชั่วโมงหลังจาก
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงการแพร่ระบาดของหนอนเจาะทุเรียนจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ได้สั่งการให้ปรับกลไกการขับเคลื่อน ระบบการบริหารจัดการคุณภาพและการป้องกัน ควบคุม หนอนเจาะทุเรียนจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้เกษตรจังหวัด ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และ สงขลา ดำเนินการตามแนวทาง ดังนี้
1. สอบทานประสิทธิภาพมาตรการกรอง 4 ชั้น พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน โดยเฉพาะการคัดทุเรียนคุณภาพจากสวน ต้องตัดผลทุเรียนแก่เต็มที่ และบ่มเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ซึ่งมาตรการแบ่งออกเป็น 4 มาตรการ ได้แก่ มาตรการกรองชั้นที่ 1 การคัดทุเรียนผลแก่เต็มที่ และบ่มเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง มาตรการกรองชั้นที่ 2 บ่มทุเรียนแยกกองตามแหล่งที่มา 48 ชั่วโมง (เพื่อคัดแยกลูกหนอนเจาะ) และตรวจวัดเปอร์เซ็นต์แป้ง ทุเรียนมีเปอร์เซ็นต์แป้ง 32-35 เปอร์เซ็นต์
เมื่อบ่มครบ 48 ชั่วโมงหลังจากคัดแยกลูกหนอนเจาะ ทำการบรรจุลงกล่องแล้วบ่มไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 10 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 48-72 ชั่วโมง ตรวจสอบหนอนและคัดแยกทุเรียนคุณภาพลงกล่อง มาตรการกรองชั้นที่ 3 กรมวิชาการเกษตรตรวจปิดตู้ร่วมกับด่านตรวจพืชเพื่อสุ่มตรวจสุขอนามัยพืช จาก 3 เปอร์เซ็นต์เป็น 5 เปอร์เซ็นต์ มาตรการกรองชั้นที่ 4 ด่านตรวจพืชปลายทางสุ่มตรวจศัตรูพืชอีกครั้ง ณ ด่านปลายทางที่ออกใบ PC กรณีเจอหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนจะตีกลับเพื่อทำการคัดแยกทุเรียนที่ได้รับความเสียหายจากหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน
2. ประเมินความหนาแน่นของโรค แมลง ศัตรูพืช และระดับความเสียหายทางเศรษฐศาสตร์ (General Equilibrium, Economic Threshold, Economic Injury Level)เพื่อจัดโซนของมาตรการควบคุม กำจัด และป้องกันแมลงศัตรู ให้สอดคล้องกับช่องโอกาสทางด้านตลาดและการตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ทุเรียนกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน อาทิ มาตรการใช้เทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (Integrate Pest Management) การใช้แสงไฟป้องกันหนอนผีเสื้อกลางคืน
การห่อผลด้วยถุงเทคโนโลยีใหม่เพื่อช่วยป้องกันโรคและแมลงโดยไม่ต้องใช้สารเคมี และทำให้ทุเรียนมีเปลือกบางลงและมีเนื้อหนาขึ้นด้วย ซึ่งจะเหมาะกับการทุเรียนแกะเนื้อแช่แข็ง อีกทั้ง ช่วยให้เกษตรกรปลอดภัยจากสารเคมี เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ช่วยให้การบริหารจัดการภายในสวนง่ายขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสร้างความยั่งยืนให้แก่อาชีพทำสวนต่อไปในอนาคต
3. การสอบทานปริมาณ คุณภาพ ความพอเพียงและการเข้าถึงวัสดุ อุปกรณ์ ฯลฯ อันเป็นทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับเกษตรกรที่จะใช้ป้องกัน ควบคุม กำจัดหนอนเจาะทุเรียน จากร้านค้าจำหน่ายในท้องที่ท้องถิ่น
4. การอบรมให้ความรู้ คำปรึกษา และสร้างความเชื่อมั่นแก่เกษตรกรและบริหารความคาดหวังของผู้บริโภคทุกระดับว่าจะได้รับการส่งมอบทุเรียนที่มีคุณภาพ
5. ประสานเชื่อมโยงผู้ประกอบการค้าทุเรียนแกะเนื้อแช่แข็ง เพื่อสร้างโอกาสมูลค่าเพิ่มและแยกเนื้อทุเรียนที่ได้รับผลกระทบจากหนอนเจาะทุเรียน
6. กำหนดแนวทางปฏิบัติร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจัดการขยะเปลือกทุเรียนและผลทุเรียนทิ้งเพื่อกำจัดแหล่งพาหะของหนอนเจาะทุเรียนอันเป็นการตัดวงจรการเจริญเติบโตให้ลดน้อยลงมากที่สุด
7. การติดตามประเมินความเสี่ยงด้านราคาและการบิดเบือนตลาดเพื่อรักษาระดับเสถียรภาพราคาให้อยู่ในระดับที่สร้างผลตอบแทนสุทธิที่พอเพียงกับรายจ่ายครัวเรือนของเกษตรกรในปัจจุบันและอนาคต
นอกจากนี้ยังมอบแนวทางการประเมินความเสี่ยงในอนาคตสำหรับการผลิตทุเรียนในรอบปีต่อไป 68/69 ซึ่งมีเป้าประสงค์ยกระดับทุเรียนคุณภาพพรีเมี่ยมส่งออก อาทิ ความเสี่ยงด้านทรัพยากรน้ำ ด้านการวิวัฒนาการและสัณฐานวิทยาของโรค แมลงศัตรูพืช ด้านกลไกตลาดและราคาด้านข้อมูลและระบบการตรวจสอบย้อนกลับ โดยมีข้อสั่งการ ดังนี้
1. การให้ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ ทักษะและความเชื่อมั่นแก่เกษตรกรสามารถผลิตทุเรียนคุณภาพตามหลักวิชาการ เริ่มตั้งแต่การจัดการที่ดีหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อเตรียมสร้างพลังงานแก่ต้นทุเรียนให้มีความสมบูรณ์แข็งเพียงพอต่อการออกดอก ติดผลในฤดูกาลต่อไป
2. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือตลอดห่วงโซ่อุปทานในระหว่าง 8 เครือข่ายกรมส่งเสริมการเกษตร (แปลงใหญ่ทุเรียน วิสาหกิจชุมชนแปรรูปทุเรียน Smart Farmer/Young Smart Farmer ศพก. ศดปช. ศจช. อกม. และกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร) เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานทุเรียนจังหวัดชายแดนใต้ที่มีการเชื่ิอมโยงทรัพยากรและเพิ่มอำนาจซื้อของเกษตรกร
3. การเฝ้าระวังโรค แมลงศัตรูพืช เชิงรุก เพื่อตัววงจรการเจริญเติบโตก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะช่วงตัวเต็มวัย ก่อนเข้าสู่
ช่วงออกดอกทุเรียน
4. เพิ่มประสิทธิภาพระบบการเฝ้าระวังโรค แมลงศัตรูทุเรียน และระบบการป้องกัน ควบคุมการตัดทุเรียนอ่อน และสร้างโอกาสการเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานสินค้าและผลิตภัณฑ์ทุเรียนที่หลากหลายและเหมาะสม
5. การเตรียมสร้างนักคัด นักตัด นักแกะทุเรียน เพื่อเสริมความพร้อมของห่วงโซ่อุปทานสินค้าทุเรียนที่มีมาตรฐาน
และพอเพียงต่อความต้องการ
6. การศึกษาวิจัยและพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ทุเรียน ร่วมกับสถาบันการศึกษาพื้นที่ เพื่อสร้างความหลากหลายและมูลค่าเพิ่มตามความต้องการและสร้างประสบการณ์ใหม่แก่ผู้บริโภค
7. สร้างกิจกรรมการตลาดเพื่อสร้างความรู้อาหารศึกษา ด้านคุณค่าและประสบการณ์ด้านรสชาติ โภชนาการและเรื่องราวของทุเรียนอัตลักษณ์ เช่น ทุเรียนทรายขาว จังหวัดปัตตานี ทุเรียนบางนรา จังหวัดนราธิวาส ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา เพื่อส่งเสริมการบริโภคให้เพิ่มพูนขึ้น
8. ประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบรวบรวม คัดแยกคุณภาพ และแปรรูปทุเรียน เพื่อสร้างและพัฒนากลไกตลาดที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถบริหารความเสี่ยงจากสภาะกลไกตลาดล้มเหลวหรือบิดเบือนได้ทันการณ์ อีกทั้งเพื่อหนุนเสริมมาตรการป้องกัน ควบคุม กำจัด โรคแมลงศัตรูทุเรียน ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน
9. การวิเคราะห์และสร้างโอกาสทางการตลาดเพื่อเพิ่มปริมาณการค้าในแต่ละช่องทาง ทั้งตลาดโมเดิร์นเทรดตลาด e-Commerce และ Digital Marketing ตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออก