โดย…ดลมนัส กาเจ
ท่ามกลางกระแสนิยมในการบริโภคกาแฟภายในประเทศเพิ่มขึ้น และตลาดเมล็ดกาแฟเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่กลับตรงกันข้ามกับปริมาณผลผลิตเมล็ดของไทยกลับลดลง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเกษตรกรหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ โดยเฉพาะทุเรียน ทำให้ไทยต้องนำเข้าเมล็ดกาแฟเพิ่มมากขึ้นทุกปี คาดการณ์ว่าในปี 2539 ผลผลิตเมล็ดกาแฟทั่วโลกอาจลดลงถึง 50% ทั้งที่ราคากาแฟในปัจจุบันดีขื้นในระดับที่เกษตรกรอยู่ได้ นักวิชาการภาคเอกชนและเกษตรกรต่างยืนยันว่า การทำกาแฟมีรายได้ดี สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ ที่สำคัญกาแฟเป็นพืชที่ไม่มีโรคระบาด และมีพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตสูง ภายในสวนกาแฟสามารถปลูกพืชอื่นแซม เลี้ยงผึ้งได้ ยิ่งทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นตามมาด้วย
นิภาวรรณ โดดเสนา นักวิชาการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด บอกว่า อยู่ในวงการกาแฟและคลุกคลีอยู่กับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟมายาวนาน พบว่าเกษตรกรที่ปลูกกาแฟอยู่ดีกินดี แม้ราคากาแฟแต่ละปีอาจไม่แน่นอนแต่ต้นทุนการปลูกไม่สูง ขณะที่ในสวนกาแฟสามารถปลูกพืชอื่นแซมได้ ร่วมถึงการเลี้ยงผึ้งที่สามารถสร้างรายได้เพิ่ม หรืออาจปลูกกาแฟแซมในสวนผลไม้อื่นก็ได้ ล่าสุดทางเนสท์เล่เองก็ได้ส่งเสริมการเลี้ยงผึ้งในสวนกาแฟ เพื่อช่วยผสมเกสร นอกจากนี้ทางบริษัท ได้มีการปรับปรุงสายพันธุ์เป็นกาแฟโรบัสต้าและได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมวิชาการเกษตรเรียบร้อยแล้ว 2 สายพันธุ์ คือ R2017-1 และ R2017-2 ให้ผลผลิตสูงถึง 400 กิโลกรัมต่อไร่ ถ้าคำนวนกับราคาปัจจุบันแล้ว เกษตรกรจะมีรายได้ที่สูงกว่าพืชอย่างหลายชนิดปลูกแล้วมีตลาดรับซื้อแน่นอน
สอดคล้องกับ สุดใจ คำยอด เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟจากอำเภอสวี จังหวัดชุมพร บอกว่า ปลูกกาแฟมาเกือบ 38 ปี ยอมรับว่าปลูกกาแฟในปัจจุบัน มีรายได้ดีมากเมื่อเทีบกับพืชอื่นและไม่มีความเสี่ยงด้วยเพราะโรคของกาแฟไม่มีนอกจากแล้งเท่านั้น แต่พืชอื่นที่มีราคาดีอย่างทุเรียนแต่มีความเสี่ยงสูงกับโรคระบาดโดยเฉพาะไฟทอปธอร่า ที่ต้องดูแลอย่างใกล้มีเกษตรกรหลายรายที่ล้มละลายกับทุเรียนมาแล้วที่จังหวัดชุมพร
สุดใจ คำยอด
“ปีที่ผ่านมาราคากาแฟกิโลกรัมละ 130 บาทเป็นราคาที่เกษตรกรพอใจ สวนผมมี 40 ไร่ เอากันง่ายๆ ถ้าได้ไร่ละ 300 กิโลกรัม ถือว่า่เป็นรายที่ไม้น้อยถ้าเทียบกับพืชอื่น ยิ่งตอนนี้มีพันธุ์ใหม่ให้ผลผลิตสูงถึงไร่ละ 400 กิโลกรัม ลองคำนวนดูจะมีรายได้เท่าไร ปลูกครั้งเดียวอยู่ได้นานสิบๆปี ไม่ต้องระแวงเรื่ององโรคระบาดเหมือนกับพืชอื่น ผมยืนยันจะปลูกกาแฟต่อไป เพราะผมชอบกาแฟครับ” สุดใจ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่า เมื่อก่อนปลูกกาแฟมีปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะผลผลิตไม่มีคุณภาพ ตลาดและราคาไม่แน่นอน มีอยูช่วงเวลาหนึ่งที่เคยท้อแท้จากผลผลิตที่น้อยลงและไม่ได้คุณภาพ ทำให้คนอื่นเลิกปลูกกาแฟไป กระทั่งปี 2556 ทางเนสท์เล่ได้ส่งนักวิชาการเกษตรมาช่วยเหลือและให้คำแนะนำในการปลูกกาแฟแทบจะทุกด้าน รวมทั้งหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟู จนผลผลิตกลับมาดีขึ้นและมีรายที่น่าพอใจ ถ้าไม่มีเนสท์เล่ในวันนั้น ตอนนี้ชุมพรอาจไม่มีกาแฟเหลือแล้ว แต่ปัจจุบันปลูกกาแฟรายได้ดี เลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบาย (รายละเอียดในคลิป)