กระจายลำไยสู่เครือข่ายสหกรณ์ทั่วไทยช่วยชาวสวนภาคเหนือ คาดผลผลิตปีนี้เพิ่ม 20%

  •  
  •  
  •  
  •  

 

เครือข่ายสหกรณ์ทั่วประเทศช่วยกระจายลำไยช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนลำไย คาดผลผลิตลำไยปีนี้ เพิ่มจากปี 64 ประมาณ 20% กรมส่งเสริมสหกรณ์อัดฉีดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 95 ล้านบาทจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์หนุนสหกรณ์ 7 จังหวัดภาคเหนือเปิดจุดรับซื้อผลผลิตในราคานำตลาด พร้อมเร่งจัดส่งคู่ค้าเอกชนและสหกรณ์ปลายทางเพื่อกระจายสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลผลิตลำไยในพื้นที่ภาคเหนือกำลังออกสู่ตลาดพร้อมกันจำนวนมาก คาดการณ์ว่าผลผลิตลำไยปีนี้ เป็นลำไยในฤดู 812,818 ตัน นอกฤดู 259,746 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ประมาณ 20% และเกษตรกรยังต้องประสบปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากปัจจัยการผลิตที่มีราคาสูงขึ้นและค่าแรงเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนด้านขนส่งที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้นด้วย

ทั้งนี้ สถาบันเกษตรกรที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมและจำหน่ายลำไย ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมส่งเสริมสหกรณ์ มีจำนวน 20 แห่ง ใน 6 จังหวัด ปีที่ผ่านมา 2564  สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้รวบรวมลำไย จำนวน 5,282.53 ตัน มูลค่า 81,064,333.51 บาท สำหรับในปีการผลิต 2565 มีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในภาคเหนือดำเนินธุรกิจรวบรวมและจำหน่ายลำไย 17 แห่ง ใน 5 จังหวัดได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา และลำพูน รวมจำนวน 4,780.77 ตัน มูลค่า 76,900,641.01 บาท โดยจำหน่ายผ่านช่องทางคู่ค้าเอกชน 61.90% Modern trade 7.28% ส่งออกผ่านตัวแทน 4.80% เครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดต่าง ๆ 2.24% และตลาดออนไลน์ 2.47%

สำหรับในปี 2565 นี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือสถาบันเกษตรกรที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมและแปรรูปผลผลิตลำไย  โดยจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ เพื่อสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้กับสหกรณ์ที่รวบรวมผลไม้ วงเงิน 95 ล้านบาท พร้อมทั้งสนับสนุนโครงการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย(GAP) ให้กับสหกรณ์ที่รวบรวมผลไม้จำนวน 2 แห่ง ในจังหวัดเชียงราย ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรป่าแดด จำกัด และสหกรณ์การเกษตรแม่สรวย จำกัด

นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณ คชก. จำนวน 14 ล้านบาท จัดสรรตะกร้าบรรจุลำไยให้สหกรณ์ในภาคเหนือ นำไปใช้ในการรวบรวมผลผลิตและขนส่งเพื่อกระจายสู่ตลาดปลายทาง โดยขณะนี้มีสหกรณ์ในจังหวัดเชียงใหม่ น่าน ลำพูน และพะเยา ได้รับการจัดสรรไปแล้ว 10 แห่ง จำนวน 90,200 ใบ และได้สนับสนุนการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านการผลิตและการตลาด โดยมีการจับคู่ค้า จำนวน 192 คู่ค้า ปริมาณ 17,010.30 ตัน มูลค่า 217.33 ล้านบาท ขณะนี้ได้มีการจำหน่ายลำไยจากสหกรณ์ต้นทางแล้ว 6 แห่ง ไปสู่คู่ค้า 22 แห่ง ปริมาณ 64.07 ตัน ซึ่งสถานการณ์ลำไยในเขตภาคเหนือ จะมีผลผลิตมากที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคม ผลผลิตจำนวน 377,567 ตัน และในเดือนกันยายน จำนวน 132,923 ตัน

อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้สหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัดช่วยประสานเครือข่ายสหกรณ์ในแต่ละพื้นที่ สั่งซื้อลำไยจากสหกรณ์ผู้ผลิตภาคเหนือ เพื่อเร่งกระจายสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยให้สหกรณ์ต้นทางในภาคเหนือเปิดจุดรวบรวมลำไยจากสมาชิกและเกษตรกรในราคานำตลาด เพื่อนำมาคัดเกรดบรรจุลงตะกร้าและเร่งจัดส่งให้สหกรณ์ที่เป็นตลาดปลายทาง เพื่อให้ถึงผู้บริโภคโดยเร็ว ถือเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนลำไยอีกทางหนึ่ง

“ขณะนี้ผลผลิตลำไยได้ถูกจัดส่งผ่านทางเครือข่ายสหกรณ์ในหลายจังหวัด ทั้งในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พังงา สุราษฎร์ธานี ตรัง ปัตตานี นราธิวาส สงขลา สตูลและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ มหาสารคาม นครพนม ชัยภูมิ มุกดาหารและนครราชสีมา ผู้ที่สนใจจะอุดหนุนลำไย สามารถสั่งซื้อผ่านเครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดของท่าน สำหรับส่วนกลางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถสั่งซื้อกับทางชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัดโทร. 081-823 3639” นายวิศิษฐ์ กล่าว