กรมส่งเสริมการเกษตร สั่งลุย 10 มรตรการเร่งด่วนช่วยเกษตรกรเหยื่อ “เตี้ยนหมู่”

  •  
  •  
  •  
  •  

กรมส่งเสริมการเกษตร กางแผน 10 มรตรการเร่งด่วนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งขณะเกิดภัย และหลังเกิดภัย เน้นลดความเดือดร้อนให้น้อยที่สุด และฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว  ย้ำเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินใหห้เป็นระบบ ชัดเจน และรวดเร็ว

      นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ในช่วงเดือนกันยายน 2564 ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมพัดผ่าน และพายุดีเปรสชัน “โกนเซิน” ที่อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ และมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ส่งผลให้มีฝนตกหนักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรเสียหาย

      ดังนั้นกรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้กำหนดแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย เพื่อย้ำแนวทางการปฏิบัติให้กับทุกหน่วยงานในระดับพื้นที่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ขณะเกิดภัย ให้สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอ ดำเนินการ

     ​​1.​ประเมินสถานการณ์เบื้องต้น และรายงานสถานการณ์พื้นที่การเกษตรประสบภัยพิบัติให้กรมส่งเสริมการเกษตรทราบโดยด่วน

​​     2.​จัดชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่เกษตรกรที่ประสบภัย รวมถึงออกเยี่ยมเยียนให้คำแนะนำในการดูแลรักษาพืชผลทางการเกษตรที่ประสบภัย

     ​​3.​เตรียมข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกเชิงแผนที่ และประสานงาน ชป.ในพื้นที่/ท้องถิ่น/ปภ.จังหวัด ฯลฯ เพื่อวางแผนการบริหารจัดการน้ำ ผลักดันน้ำ สูบน้ำออกจากพื้นที่การเกษต

    ​​4.​ประสานการปฏิบัติงานกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรจังหวัดอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

     ส่วนช่วงหลังเกิดภัย หรือหลังจากที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอ ดำเนินการ ดังนี้

     ​​1.​จัดทีมฟื้นฟูอุทกภัย (One team for all jobs) โดยมอบหมายให้เกษตรอำเภอในฐานะประธานคณะทำงานปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาภาคการเกษตร ระดับอำเภอ (Operation Team : OT) ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย อำนวยการและบูรณาการการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเดือดร้อนและการช่วยเหลือเกษตรกรด้านต่างๆ เพื่อหยุดยั้งความเสียหาย เช่น การเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำ การบำบัดน้ำเสียในพื้นที่เกษตร

      การดูแลสุขภาพสัตว์และป้องกันโรค การให้บริการคลินิกเกษตร (พืช ประมง ปศุสัตว์) การสำรวจความเสียหายและการเยียวยาช่วยเหลือด้านพืช ด้านปศุสัตว์ ด้านประมง ฯลฯทั้งนี้ ให้ประสานงานการปฏิบัติกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ และกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่นั้น ๆ

      ​​2.​เมื่ออธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหรือผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ให้เร่งรัดสำรวจและประเมินความเสียหาย

      ​​3.​เร่งรัดดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564     โดยนำเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ/จังหวัด (ก.ช.ภ.อ./ก.ช.ภ.จ.) พิจารณาให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด โดยดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่เกิดภัย

     ​​4.​ให้คำแนะนำแก่เกษตรกร ในการวางแผนการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ การดูแลรักษา และการจัดการความชื้นในฤดูฝน การจัดการพื้นที่และการระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก การฟื้นฟูพืชหลังน้ำลด และการป้องกันกำจัดศัตรูพืช

​​     5.​สนับสนุนพันธุ์ไม้ผล ไม้ยืนต้น เมล็ดพันธุ์ผัก สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อไตรโคเดอร์ม่า เพื่อแจกจ่ายให้เกษตรกรในพื้นที่ประสบภัยอุทกภัย หลังน้ำลด

     ​​6.​รายงานสถานการณ์ การช่วยเหลือ ความต้องการของเกษตรกร ปัญหาอุปสรรคต่อเลขานุการคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ระดับจังหวัด เพื่อทราบ/พิจารณา เสนอประธานตามลำดับทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

     ทั้งนี้ ได้กำชับให้สำนักงานเกษตรจังหวัดรายงานความก้าวหน้าผลการสำรวจความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือให้กรมส่งเสริมการเกษตรทราบทุกสัปดาห์จนกว่าการช่วยเหลือจะแล้วเสร็จ