ปลูก “มะนาวตาฮิติ GAP” ขายผล-กิ่งพันธุ์ สร้างรายได้ปีเป็นล้านที่ “ไร่กาญจนา”

  •  
  •  
  •  
  •  
โดย….พนารัตน์  เสรีทวีกุล

ไม่ง่ายนักที่เกษตรกรจะปลูกพืช ที่สามารถปลูกพืชสร้างรายได้ให้กับตัวเองเป็นหลักล้านบาทต่อปี  แต่….”อเนก  ประสม” เกษตรกรวัย 59 ปีเจ้าของ “ไร่กาญจนา” ผู้ปลูกมะนาวพันธุ์ตาฮิติรายแรกของอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ทำได้สำเร็จ โดยเขาได้น้อมนำหลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวปฏิบัติเริ่มจากการใช้ประโยชน์ที่ดินที่มีอยู่ให้เหมาะสมต่อการปลูกพืชซึ่งมะนาวพันธุ์ตาฮิติเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ปลูก รวมทั้งมะนาวพันธุ์ตาฮิติมีลักษณะพิเศษ คือมีผลใหญ่ น้ำมาก ไร้เมล็ด และมีรสเปรี้ยว จึงเป็นที่นิยมของตลาดในแต่ละปีขายผลผลิต และกิ่งตกปีเป็นล้านบาท

     อเนก เติบโตมาจากครอบครัวที่ทำการเกษตรโดยปลูกทั้งข้าวโพด ข้าวไร่ และยาสูบ หมุนเวียนเรื่อยมา จนถึงปี 2540 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ ปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำไม่มีคุณภาพ ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น จึงได้ปรับเปลี่ยนการทำเกษตรแบบเชิงเดี่ยวมาเป็นเกษตรแบบผสมผสานโดยปลูกมะนาวและลำไยผสมผสานกัน เนื่องจากลำไยถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความนิยมและสามารถส่งขายต่างประเทศได้    

    ส่วนมะนาวเป็นพืชที่ใช้ประกอบอาหารในชีวิตประจำวันและยังสามารถใช้เป็นยาได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเอาพืชทั้ง 2 ชนิดนี้มาปลูกเป็นพืชผสมผสาน   รวมทั้งยังมีการปลูกพืชไร่ ได้แก่ งาดำ ถั่วดำ ข้าว ฟักทอง และพริก และมีแหล่งน้ำไว้สำหรับใช้สอยและเลี้ยงปลาอีกด้วย

    จากประสบการณ์การปลูกมะนาวทำให้  อเนก ได้เรียนรู้ธรรมชาติของมะนาวด้วยตนเองว่า มะนาวสายพันธุ์ตาฮิติจะให้ผลผลิตดีเมื่อปลูกในพื้นที่มีสภาพอากาศร้อนและเป็นเนินสูง   และหากมีการรดน้ำต้นมะนาวมากเกินไปจะส่งผลให้มะนาวใบดกสวยงามแต่ไม่ออกดอกติดผล   ส่วนการใส่ปุ๋ยหมักจะทำให้ต้นมีการเจริญเติบโตได้ดี   ในขณะที่การใส่ปุ๋ยคอกที่ไม่ผ่านการหมักจะส่งผลให้เกิดโรคเชื้อรากับใบและลำต้นของมะนาวได้

     การฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพเพื่อบำรุงต้นมะนาวให้มีความสมบูรณ์แข็งแรงนั้นไม่ควรฉีดพ่นในช่วงที่มะนาวเริ่มติดดอกออกผลเพราะน้ำหมักชีวภาพจะเป็นพาหะนำแมลงวันทองและแมลงชนิดอื่น ๆ มาทำลายผลมะนาว ทำให้ผิวของเปลือกมะนาวเสีย ไม่สวย ได้ราคาไม่ดี   ดังนั้นควรฉีดพ่นก่อนที่มะนาวจะติดดอกออกผลจะได้ผลดีที่สุด

     นอกจากนี้ อเนก ได้ยังคิดค้นสูตรใส่ปุ๋ยบำรุงต้นมะนาวและดอก  สูตรการใส่ปุ๋ยและวิธีการใส่ปุ๋ยแบ่งเป็นชั้น ๆ เพื่อดูแลต้นมะนาวให้มีความสมบูรณ์แข็งแรง  รวมทั้งได้รับคำแนะนำจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรลำปาง  กรมวิชาการเกษตร  ให้ใช้ปุ๋ยหมักเติมอากาศ  และสารชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทยกำจัดหนอนชอนใบทดแทนการใช้สารเคมี  ทำให้ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมากและได้ผลผลิตที่ปลอดภัย

     อเนก บอกว่า เขามีแนวคิดในการทำเกษตรว่า ถ้าผู้ผลิตทำการเกษตรแบบปลอดภัยผู้บริโภคก็รับประทานได้อย่างปลอดภัย  ดังนั้นการปลูกมะนาวที่ไร่กาญจนาจะไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตรเลย หากไม่มีการระบาดของโรคและแมลงในระดับที่รุนแรง  ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องใช้จะใช้ตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร

     เมื่อผลผลิตมีช่วงอายุที่เหมาะสมจะเริ่มเก็บเกี่ยวและคัดแยกผลผลิตที่เน่าเสียออก หลังจากนั้นจะนำผลผลิตไปพักไว้ในโรงคัดเกรดเพื่อทำความสะอาดและคัดแยกผลผลิตก่อนจำหน่าย โดยจะมีการบันทึกข้อมูลการปฏิบัติงาน  แหล่งที่มาของปัจจัยการผลิต และบัญชีการจำหน่ายผลผลิตครบทั้งกระบวนการผลิตเพื่อการทวนสอบได้   ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามข้อกำหนดแหล่งผลิต GAP พืช    โดยพื้นที่ปลูกมะนาวจำนวน 25 ไร่ไ ด้รับการรับรองเป็นแหล่งผลิต GAP พืช จากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรลำปาง  สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 กรมวิชาการเกษตร


ปัจจุบัน  อเนก มีรายได้จากจำหน่ายมะนาวตาฮิติซึ่งให้ผลผลิตตลอดทั้งปีเฉลี่ยประมาณ 3,500 – 4,000 กิโลกรัม  จำหน่ายในกิโลกรัมละ 13-17 บาท และเนื่องจากผลผลิตได้รับการรับรอง GAP จากกรมวิชาการเกษตรจึงสามารถส่งออกไปประเทศจีน ญี่ปุ่น ยุโรป สปป.ลาว และโรงงานผลิตน้ำมะนาวส่งออกได้ด้วย  รวมทั้งยังมีรายได้จากการขายกิ่งตอนในราคากิ่งละ 35 บาทจึงทำให้มีรายได้ถึงหลักล้านบาท/ปี

      “อเนก  ประสม”  ไม่เพียงแต่เป็นผู้ที่ประสบผลสำเร็จในอาชีพเกษตรปลูกมะนาวเฮติ เพียงอย่างเดียว หากแต่เขา ยังได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงนำไปสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 60 ครัวเรือน จนได้รับการยอมรับว่าเป็น “ปราชญ์เกษตร” ที่เป็นต้นแบบให้กับเกษตรกรรายอื่น ๆ สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้เกษตรในพื้นที่ให้สามารถพึ่งพาตนเองและแข่งขันกับตลาดภายนอกได้อีกด้วย