อนิสงค์ “ปันน้ำปุ๋ยให้ชุมชน” จากซีพีเอฟ บทพิสูจน์ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ในทุกภาวะวิกฤต

  •  
  •  
  •  
  •  

      “น้ำและปุ๋ย ปัจจัยสำคัญต่อผลผลิตของเกษตรกร แต่ขณะเดียวกันถือเป็นต้นทุนหลักของคนที่ทำการเกษตร หากสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลงได้  ภาระของเกษตรกรก็จะลดลงได้ไม่น้อย โครงการปันน้ำปุ๋ยให้ชุมชน จึงช่วยเกษตรกรได้จริงและเห็นผลชัดเจน”  

    ตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ที่บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ  ปันน้ำปุ๋ยจากฟาร์มสุกรให้แก่เกษตรกรรอบข้าง   นำไปใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูก ทั้งในภาวะแล้งและในยามปกติ 

  

    สัมฤทธิ์ แตงหวาน เกษตรกรใน ต.สระกระโจม อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี  ที่รับน้ำปุ๋ยจากฟาร์มสุกรนพรัตน์ ของซีพีเอฟมานานกว่า 19 ปี ถือเป็นเกษตรกรรุ่นแรกที่รับน้ำปุ๋ยมาใช้กับแปลงฟักเขียว ในพื้นที่ 8 ไร่ เล่าว่า ตลอด  19 ปีที่ผ่านมา เป็นการพึ่งพาอาศัยกันอย่างยั่งยืนของฟาร์มและเกษตรกร  ซึ่งนอกจากผมแล้ว ยังมีเกษตรกรรอบข้างฟาร์มรายอื่นๆ ที่มาขอรับน้ำปุ๋ยไปใช้  ช่วยให้สามารถปลูกพืชได้ตลอดทั้งปี  ด้วยคุณสมบัติของน้ำปุ๋ย ซึ่งเป็นน้ำหลังการบำบัดในระบบไบโอแก๊สที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด และยังมีแร่ธาตุที่เหมาะสมกับการเติบโตของต้นไม้และพืช  

   ส่งที่ทำมา ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเคมีอีกเลย  ได้ผลผลิตที่ปลอดสารเคมี  ปลอดภัยต่อผู้บริโภค  ช่วยลดต้นทุนของเกษตรกรในส่วนนี้ได้  100 % จากที่เคยใช้ปุ๋ยเคมี 12-13 ลูก  ต้นทุนเกือบ 2 หมื่นบาทต่อปี  สัมฤทธิ์บอกว่าตอนนี้มีเกษตรกรรอบข้างมาขอน้ำปุ๋ยไปใช้ด้วย  โดยตนได้ทำเป็นคลองส่งน้ำมาบรรจบกับคลองที่ฟาร์มปล่อยน้ำมาให้  เพื่อกระจายไปยังเกษตรกร ซึ่งเกษตรกรทุกรายจะมีข้อตกลงร่วมกันในการนำน้ำไปใช้ 

 

   เช่นเดียวกับ “คำภา คุ้ยสุขพันธ์” เกษตรกร ต.บ้านโข้ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี  ป้าผู้ใหญ่    เล่าว่า  เป็นเกษตรกรรายแรกที่รับน้ำปุ๋ยจากฟาร์มสุกรอู่ทอง เมื่อ 19 ปีที่แล้ว ตอนนั้นการใช้น้ำปุ๋ยจากฟาร์มสุกรเป็นเรื่องใหม่มาก แต่ด้วยความที่ตนเองมีไร่อ้อยอยู่ติดฟาร์ม   จึงตัดสินใจทดลองนำน้ำปุ๋ยมาใช้เป็นตัวอย่างให้กับลูกบ้าน  ทางฟาร์มก็ช่วยอำนวยความสะดวกต่อท่อน้ำมาให้โดยตรง น้ำที่ส่งมาสามารถใช้ได้ทันทีและไม่มีกลิ่นใดๆ 

     หลังจากที่นำน้ำปุ๋ยมาใช้กับไร่อ้อยไปสักระยะ  สังเกตว่าผลผลิตอ้อยที่ได้อยู่ในเกณฑ์ดีมาก  ลำใหญ่  สูงยาว แม้ยังต้องเสริมปุ๋ยเพื่อช่วยเรื่องน้ำหนักและความหวาน แต่ก็ไม่ต้องใช้ในปริมาณมากเหมือนเมื่อก่อน เกษตรกรรายอื่นๆที่เห็นป้านำน้ำปุ๋ยไปใช้แล้วได้ผลผลิตที่ดี  ก็มีความมั่นใจและมาขอใช้น้ำปุ๋ยจากฟาร์มตลอด   ขอบคุณซีพีเอฟที่มีโครงการดีๆ แบ่งปันให้พี่น้องเกษตรกร  ช่วยลดต้นทุน ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพ  ขายได้ราคาดี รายได้ก็เพิ่มขึ้นด้วย   

    เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดหวาน “อินทัน สิงห์ทะ” รับน้ำปุ๋ยจากฟาร์มสุกรจอมทอง จ.เชียงใหม่  ตั้งแต่ปี 2559 บอกว่า เคยนำน้ำปุ๋ยของฟาร์มฯ มาทดสอบคุณสมบัติเทียบกับน้ำธรรมดา พบว่าน้ำปุ๋ยมีแร่ธาตุที่ส่งผลต่อการเติบโตของพืช  จึงใช้กับข้าวโพดหวานที่ปลุูกไว้ ใน 

    พื้นที่ 2 ไร่ และผักสวนครัว ผลผลิตดีขึ้นจริง ช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้ถึง 50% จากที่เคยใช้ปุ๋ย 4 กระสอบ เหลือเพียง 2 กระสอบ โดยจะใช้น้ำปุ๋ยในช่วงที่ต้นข้าวโพดเล็กๆ จนถึงก่อนออกฝักระยะ 50 วันแรก จากนั้นเมื่อเริ่มออกฝักช่วง40 วันสุดท้าย จะใช้น้ำพลังงานไฟฟ้า 

ของอบต.ข่วงเปา ขอขอบคุณฟาร์มจอมทองที่ดูแลเกษตรกรรอบข้างเหมือนครอบครัวที่พึ่งพากัน เป็นโครงการดีๆที่ช่วยลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ของเกษตรกร   

    ด้าน “วิโรจน์ ใจด้วง” เกษตรกรใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ที่รับน้ำปุ๋ยจากคอมเพล็กซ์ไก่ไข่เชียงใหม่ เพื่อใช้รดแปลงหญ้าเนเปีย 6 ไร่ เมื่อเดือนมีนาคม 2564 โดยเริ่มทดลองนำร่อง 2 แปลง พบว่าน้ำปุ๋ยเหมาะกับพืชใบแคบประเภทหญ้า ทำให้ต้นหญ้าโตเร็ว อวบแน่น ใบใหญ่ จึงใช้กับหญ้าทุกแปลง ซึ่งได้ผลผลิตดีมาก หญ้าโตเร็วกว่าที่เคยใช้ปุ๋ยเคมี จากที่ใช้เวลาปลูก 60 กว่าวัน ปัจจุบันใช้เวลา40-45 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ จากเคยได้หญ้า 3-4 ตันต่อไร่  หลังใช้น้ำปุ๋ยแล้วได้ผลผลิตถึงไร่ละ 5-6 ตัน  “วิโรจน์” ยังได้ถ่ายทอดเทคนิคง่ายๆ ของการนำน้ำปุ๋ยมาใช้  โดยผสมน้ำปุ๋ยกับน้ำคลองอัตราส่วน 1:1 ใช้ตอนต้นหญ้าแทงยอดประมาณ 1 คืบ ให้น้ำปุ๋ยเดือนละครั้ง ตอนนี้เขาไม่มีภาระต้นทุนค่าปุ๋ยเลย   

 

     “ครูปัญญา นุชรุ่งเรือง” เกษตรกร อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ที่รับน้ำปุ๋ย จากคอมเพล็กซ์ไก่ไข่พิษณุโลก เล่าว่า ก่อนหน้านี้พื้นที่เป็นนาข้าว แต่ประสบปัญหาภัยแล้ง ผลผลิตไม่ดีนัก  เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ จึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็นแปลงปลูกหญ้าสำหรับเลี้ยงวัว ขณะนั้นซีพีเอฟมีโครงการทำแปลงทดลองการใช้น้ำปุ๋ยจากระบบไบโอแก๊ส จึงขอรับน้ำปุ๋ยมาทดลองใช้ พบว่าหญ้าในแปลงโตดี ใบใหญ่สมบูรณ์  เพราะในน้ำปุ๋ยมีธาตุอาหาร  โดยเฉพาะไนโตรเจนที่พืชต้องการ ทุกวันนี้ปลูกหญ้าตามธรรมชาติไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเสริม และไม่เคยขาดน้ำ เพราะได้รับปันน้ำจากฟาร์มอย่างต่อเนื่อง ขอขอบคุณบริษัทที่ช่วยลดรายจ่ายของเกษตรกร  ทั้งค่าปุ๋ย ค่าน้ำ นอกจากผลผลิตดี ตอนนี้สภาพของดินยังดีขึ้นด้วย       

  ซีพีเอฟ ยังคงเดินหน้าสานต่อ “โครงการปันน้ำปุ๋ยให้ชุมชน” ช่วยดูแลเกษตรกรรอบฟาร์มจำนวนมาก ลดต้นทุนการเพาะปลูก บรรเทาปัญหาภัยแล้ง  สร้างความมั่นคงของแหล่งน้ำให้กับชุมชน  ส่งเสริมการเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยอย่างยั่งยืน