ชาวสวนลำไยเฮ!! “มนัญญา” แจ้งข่าวดีจีนไฟเขียวให้ไทยส่งออกได้แล้ว

  •  
  •  
  •  
  •  

“มนัญญา” ลงพื้นที่พบชาวสวนลำไยภาคตะวีนออก แจ้งข่าวดี จีนไฟเขียวให้ไทยส่งออกลำไยได้แล้ว มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ต้องอก้ไข สั่งกรมวิชาการเกษตรคุมเข้มมาตรการส่งออก ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีก

    วันที่ 20 สิงหาคม 2564 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ปัญหาการส่งออกลำไยในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี พร้อมเป็นประธานการประชุมการแก้ไขปัญหาด้านผลผลิตทางการเกษตร (ลำไย) โดยมีนายฤหัส ไชยศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายสมบัติ ตงเต๊า รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ และตัวแทนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ เข้าร่วมประชุม และประชุมผ่านระบบ Zoom Meeting ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดจันทบุรี

   นางสาวมนัญญา กล่าวว่า จากปัญหาการตรวจพบศัตรูพืช (เพลี้ยแป้ง)ในลำไยผลสดจากไทยที่ส่งออกไปจีน ทำให้สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Administration of China Customs: GACC) ได้ระงับการส่งออกชั่วคราวโรงคัดบรรจุ 66 แห่ง เป็นโรงคัดบรรจุในเขตภาคตะวันออก ในจังหวัดจันทบุรี 28 แห่ง และจังหวัดสระแก้ว 1 แห่ง

    ทั้งนี้ ทางการจีนขอให้กรมวิชาการเกษตรสอบสวนหาสาเหตุ และกําหนดมาตรการควบคุมให้ทางการจีนพิจารณา ซึ่งเป็นเรื่องสําคัญและเร่งด่วน เนื่องจากใกล้ฤดูกาลเก็บเก่ียวลําไยของจังหวัดจันทบุรี ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนลําไยเป็นจํานวนมาก กรมวิชาการเกษตร สํานักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตท่ี 6 นายกสมาคมการค้าและการท่องเท่ียวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี และนายกสมาคมชาวสวนลําไยจันทบุรี ได้ร่วมกันหามาตรการป้องกันเสนอให้ทางการจีนพิจารณา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการตรวจพบศัตรูพืชอีก ซึ่งขณะนี้ทางการจีนได้มีการผ่อนผันปลดล็อค ให้สามารถส่งออกได้แล้ว

    นางสาวมนัญญา กล่าวอีกว่า ผลการเจรจาทำให้ทางการจีนอนุญาตให้โรงคัดบรรจุ 50 แห่ง จาก 66 แห่ง ที่มีความถี่ในการตรวจพบศัตรูพืชค่อนข้างต่ำสามารถส่งออกลำไยไปจีนได้ และอนุญาตให้โรงคัดบรรจุอีก 6 แห่ง จาก 9 แห่ง ที่ไทยได้ระงับเองเป็นการชั่วคราวเมื่อเดือน มี.ค.2564 มีการปรับปรุงแก้ไขเป็นไปตามเงื่อนไขที่จีนกำหนด สามารถส่งออกได้เช่นเดียวกัน รวมทั้งสิ้นมีโรงคัดบรรจุ 56 แห่ง ที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกไปจีนในครั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2564

      สำหรับโรงคัดบรรจุในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก มีจำนวนทั้งสิ้น 93 แห่ง สามารถส่งออกไปจีนได้ จำนวน 88 โรง และยังคงถูกระงับการส่งออกชั่วคราว จำนวน 5 โรง เป็นโรงคัดบรรจุที่ตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรีทั้งหมด (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ส.ค. 2564) โดยจีนจะประเมินประสิทธิภาพของมาตรการเฝ้าระวังป้องกันกำจัดศัตรูพืชของไทย ในขั้นตอนกักกันการนำเข้า หากมาตรการดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ โรงคัดบรรจุที่เหลือ จำนวน 5 โรง ที่มีความถี่ในการตรวจพบศัตรูพืชค่อนข้างสูง จึงจะสามารถส่งออกลำไยไปจีนได้

     “โรงคัดบรรจุที่ถูกตรวจพบศัตรูพืชหลายครั้ง จะต้องปรับปรุงแก้ไข และเป็นไปตามขั้นตอนที่กรมวิชาการเกษตรได้หารือกับทางการจีน จึงหวังว่าหลังจากน้ี ผู้ประกอบการของไทยจะพัฒนาระบบการส่งออกให้เป็นไปตามที่จีนต้องการในฐานะประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของไทย และขอให้เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรดําเนินการตามมาตรการที่เสนอไปยังจีนอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการตรวจพบศัตรูพืชควบคุมอีก ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน ให้ความสําคัญในเรื่องของคุณภาพผลผลิตลําไยที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศ ก็จะสามารถขับเคลื่อนให้ธุรกิจการค้าลําไยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีความยั่งยืนตลอดไป” นางสาวมนัญญา กล่าว

       อย่างไรก็ตามกระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญในคุณภาพสินค้า ทำอย่างไรให้คงความเป็นเอกลักษณ์ลำไยของไทย และควบคุมราคาไม่ให้ตกต่ำ โดยการสนับสนุนการบริโภคในประเทศให้มากขึ้น การแปรรูปลำไย การปรับเปลี่ยนเป็นลำไยอินทรีย์เพื่อเพิ่มมูลค่า ทั้งนี้กระทรวงเกษตรฯ พร้อมสนับสนุนเครื่องอบลดความชื้นให้กับสหกรณ์จันทบุรีเพื่อลดปริมาณความชื้นลงตามเกณฑ์มาตรฐาน เก็บรักษาผลผลิตไว้รอการจำหน่ายช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรทำให้เกษตรกรสมาชิกมีความเชื่อมั่นในระบบบริหารจัดการการผลิตและการตลาดของสหกรณ์ ช่วยเหลือเกษตรกรให้มีแหล่งจำหน่ายผลผลิตที่แน่นอน ในราคาที่เป็นธรรม ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

     สำหรับสถานการณ์การส่งออกลำไยในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ในฤดูกาลผลิต ปี 2564/2565 สมาคมชาวสวนลำไยจังหวัดจันทบุรี คาดการณ์ว่าจะมีผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดมากกว่า 300,000 ตัน สำหรับโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ลำไย ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก มีจำนวนทั้งสิ้น 93 โรง อยู่ในจังหวัดจันทบุรี 89 โรง จังหวัดสระแก้ว 2 โรง และจังหวัดระยอง 2 โรงทั้งนี้ ภาคตะวันออก มีพื้นที่ปลูกลำไย 379,255 ไร่ เกษตรกรยื่นขอใบรับรอง GAP 336,294 ไร่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 ได้ตรวจประเมินแปลง และให้การรับรอง GAP แล้ว 330,662 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 98 ของพื้นที่ ที่เกษตรกรยื่นขอใบรับรอง

     ในส่วนของจังหวัดจันทบุรี มีพื้นที่ปลูกลำไย 296,640 ไร่ เกษตรกรยื่นขอใบรับรอง GAP 278,542 ไร่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 ได้ตรวจประเมินแปลง และให้การรับรอง GAP แล้ว 275,321 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 99 ของพื้นที่ ที่เกษตรกรยื่นขอใบรับรอง