ระวังภัยร้าย!! “โรคยอดเน่ารากเน่าในสับปะรด” ระบาดรุนแรงต้นแห้งตาย

  •  
  •  
  •  
  •  

สภาพอากาศร้อนและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ระยะนี้ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรชาวไร่สับปะรดเฝ้าระวัง “โรคยอดเน่ารากเน่า” ที่สามารถพบได้ในทุกระยะการเจริญเติบโตของสับปะรด ระบุถ้าระบาดรุนแรงกลุ่มใบตรงกลางต้นจะหักล้มพับลงมา อาการที่ราก เริ่มแรกมีอาการใบสีซีดคล้ายอาการที่ต้นและจะแห้งตายในที่สุด ต้องรับกำจัดอย่างถูกวิธี

     สำหรับโรคยอดเน่ารากเน่า จะพบอาการที่ต้น ใบยอดมีสีซีด โคนใบหรือฐานใบเน่าช้ำ มีสีขาวอมเหลือง ขอบแผลสีน้ำตาล และส่งกลิ่นเหม็นเฉพาะตัว เมื่อดึงส่วนยอดจะหลุดได้โดยง่าย ถ้าอาการรุนแรงกลุ่มใบตรงกลางต้นจะหักล้มพับลงมา อาการที่ราก เริ่มแรกมีอาการใบสีซีดคล้ายอาการที่ต้น ใบด้านล่างจะนิ่มกว่าปกติ และแห้งตายลามเข้ามาจากปลายใบ ต้นชะงักการเจริญเติบโต รากมีแผลสีน้ำตาล เปื่อย และเน่า หากดึงจะหลุดออกมาจากดินได้โดยง่าย อาการที่ผล ผลมีขนาดเล็ก ผลจะเน่าเป็นจุดสีเขียวเข้ม เมื่อผ่าดูภายในเนื้อเยื่อจะเน่าเป็นสีน้ำตาล

      ดังนั้นเกษตรกรควรหมั่นตรวจและกำจัดวัชพืชในแปลงและรอบแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบต้นที่เริ่มแสดงอาการของโรคยอดเน่ารากเน่า ให้พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชเมทาแลกซิล 25% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 20-40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 50-100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟอสโฟนิก แอซิด 40% เอสแอล อัตรา 50-60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ทุก 1 เดือน จำนวน 2 ครั้ง และควรทำความสะอาดอุปกรณ์การเกษตรที่ใช้กับต้นที่เป็นโรคก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ทุกครั้ง

      หากพบการระบาดรุนแรง ให้เกษตรกรขุดต้นที่เป็นโรคนำไปทำลายนอกแปลงปลูกทันที เพื่อลดแหล่งสะสมเชื้อสาเหตุโรค จากนั้นให้พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชเมทาแลกซิล 25% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 20-40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 50-100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟอสโฟนิก แอซิด 40% เอสแอล อัตรา 50-60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นลงดินในบริเวณหลุมที่ขุด และต้นที่อยู่บริเวณโดยรอบ เพื่อป้องกันการระบาดของโรค

     หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ให้นำส่วนต่างๆ ของพืชที่เป็นโรคไปทำลายนอกแปลงปลูกทันที ส่วนการปลูกสับปะรดในฤดูถัดไป เกษตรกรควรเลือกพื้นที่ปลูกที่ไม่เคยมีการระบาดของโรคนี้มาก่อน และควรทำแปลงปลูกให้มีการระบายน้ำที่ดี ไม่ควรมีน้ำท่วมขัง กรณีเกิดน้ำท่วมขังควรรีบระบายน้ำออกจากแปลงโดยเร็ว และให้เลือกใช้ส่วนขยายพันธุ์ที่มีคุณภาพดีจากแหล่งปลอดโรค ก่อนปลูก เกษตรกรควรแช่จุกหรือหน่อพันธุ์ด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชเมทาแลกซิล 25% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 20-40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 50-100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟอสโฟนิก แอซิด 40% เอสแอล อัตรา 50-60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร นาน 15-20 นาที