ดลมนัส กาเจ
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลก ทำให้ต้น “งาช้าง” หรือ “ว่านงาช้าง” กลายเป็นไม้ประดับที่ตลาดโลกต้องการ เนื่องจากเป็น 1 ใน 10 ของพืชที่ฟอกอากาศได้ และให้ออกซิเจนในเวลากลางคืน เหมาะปลูกในห้องนอน ที่ทำงานที่บ้าน ออฟฟิต ส่งผลให้วิศวกรสาวใหญ่หัวใจเกษตรกร “มนัสนัน วรรณา” หรือ “ช่างปิ๋ม” หัวหน้าช่างกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าของ “ไร่ช่างปิ๋ม” ที่ ต.หนองตาไก้ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ตัดสินใจหันส่งเสริมเกษตรกรมาปลูกว่านงาช้าง เพื่อส่งออกโดยเธอจะเป็นคนซื้อผลผลิตเอง (รายละเอียดตามในคลิป)
ว่านงาช้างเป็นไม้ประดับตระกูลเดียวกับว่านลิ้นมังกรครับ ( Sansevieria ) แต่คนละสายพันธุ์ เป็นไม้อวบน้ำ ฟอกอากาศ ให้ออกซิเจนในเวลานกลางคืน และจะปล่อยละอองน้ำออกมา จึงสามารถไปจับฝุ่นที่มีขนาดเล็กมากๆได้ด้วย
ในความเชื่อของคนไทยนั้น ว่านงาช้าง จัดเป็นว่านมหานิยม ที่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับต้น และดอก ทั้งในกระถางตั้งหน้าบ้าน หน้าร้านค้า รวมถึงแปลงจัดสวน เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล และช่วยให้ทำมาค้าขายร่ำรวย
ลักษณะเด่นใบเหมือนลำต้นตั้งตรง ปลายลำแหลมทำให้มีรูปร่างคล้ายงาช้าง จึงทำให้เป็นที่มาของชื่อา ว่านงาช้างนั่นเอง ขณะที่วงการไสยศาสตร์ถือว่าเป็นไม้มงคลนาม เชื่อว่าปลูกไว้ป้องกันภัยร้ายได้ ช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลแก่คนในครอบครัว ให้ทำมาค้าขึ้นค้าขายร่ำรวย
ขณะเดียวกันวงการสมุนไพร สรรพคุณคือหัวหรือเหง้า และใบ หรือลำต้นเทียมนำมาต้มน้ำดื่ม มีรสขมเล็กน้อย เป็นยาบำรุงโลหิต ใช้ขับพยาธิ โบราณใช้รักษาโรคริดสีดวง ช่วยการอยู่ไฟของสตรีหลังคลอด ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว และใช้เป็นยาขับปัสสาวะเป็นต้น
ว่านงาช้างมีชื่ออวิทยาศาสตร์ว่า Sansevieria cylindrica Bojer อยู่ในวงศ์ : Dracaenaceae ลำต้นอยู่ใต้ดิน เป็นเหง้าที่แตกแยกออกเป็นแง่ง คล้ายเหง้าข่า แต่เปลือกหุ้มด้านนอกจะมีสีส้ม เนื้อหัวด้านในมีสีเหลืองอมส้ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ใบ ทางวิชาการถือเป็น ลำต้นเทียม ทรงกลมสีเขียว ขึ้นเหนือดินจะแทงออกจากหัวหรือเหง้าที่อยู่ใต้ดิน สูงประมาณ 40-60 ซม. โคนใบใหญ่ ปลายใบแหลม มีร่องลึกเป็นพูตามแนวยาวจากโคนถึงส่วนปลาย โดยลำต้นเทียมนี้จะมีอายุนานหลายปี
ดอก ออกเป็นช่อแทงออกจากเหง้า มีก้านดอกยาวมาก ดอกสีขาวเป็นชั้นๆตามความสูงของช่อดอก ดอกส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
ผล ลักษณะกลม ขนาดเล็ก ประมาณ 0.5-1 ซม. ผลมีส้ม เมื่อสุกจัดจะมีสีแดง แต่มีผลน้อยมาก