“มนัญญา” ชู สวพ.4 สำเร็จการส่งเสริมเกษตรกรปลูกมันฯอินทรีย์ ได้ผลผลิตเพิ่ม ราคาสูงเกือบเท่าตัว

  •  
  •  
  •  
  •  

“มนัญญา” เดินหน้าขับเคลื่อนการทำเกษตรอินทรีย์ ชู สวพ.4 จังหวัดอุบลราชธานีประสบความสำเร็จในการส่งเสริมเกษตรกรปลูกมันสำปะหลังอินทรีย์ ทำให้ผลผลิตเพิ่มเฉลี่ย 4.5 ตัน/ไร่ จากที่ปลูกแบบทั่วไปได้ 3.5 ตัน/ไร่ แถมได้ราคาตันละ 4,000 บาท ขณะมันสำปะหลังทั่วไปราคาเฉลี่ยตันละ 2,500 บาทเท่านั้น เตรียมแผนสร้างและขยายเครือข่ายพื้นที่ปลูก 4 จังหวัด เป้า 1 ล้านไร่

      นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังกล่าวมอบนโยบายและรับฟังบรรยายสรุปของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 4 จังหวัดอุบลราชธานี (สวพ 4) อำเภอ สว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี ว่า  จากการได้รับฟังเรื่องของภารกิจการดำเนินงานและแผนการดำเนินงานในอนาคต สวพ 4 กำลังมีแผนสร้างและขยายเครือข่ายพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังอินทรีย์ไปยังจังหวัดใกล้เคียงในจังหวัดกลุ่มอีสานล่าง ประกอบด้วย จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และจังหวัดอำนาจเจริญ จำนวน 1,000,000 ไร่ ซึ่งความสำเร็จของการทำเกษตรอินทรีย์ ลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและพื้นที่การเกษตร จะทำให้เกษตรกรที่สามารถผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์ได้ตามมาตรฐาน จะได้ราคาตันละ 4,000 บาท ในขณะที่ผลิตมันสำปะหลังทั่วไปจะได้ราคาเฉลี่ยตันละ 2,500 บาท ราคาขายต่อตันเพิ่มขึ้น ร้อยละ 62.5 โดยมีประเทศคู่ค้าแป้งมันสำปะหลังที่สำคัญ คือ สหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน เกาหลี และญี่ปุ่น

                                                                  มนัญญา ไทยเศรษฐ์ 

     ทั้งนี้ถือว่าสอดคล้องกับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร โดยเสริมสร้างความภาคภูมิใจและความมั่นคงในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เนื่องจากเกษตรกรผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์มีรายได้เพิ่มมากกว่าการผลิตในระบบทั่วไป เพราะราคารับซื้อสูงกว่า 1.50 บาท/กิโลกรัม สร้างความเข้มแข็งและเชื่อมโยงเครือข่ายของเกษตรกร และสถาบันเกษตรกร จากเดิมผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์ พื้นที่ 4 อำเภอ ในจังหวัดอุบลราชธานี คือ พิบูลมังสาหาร วารินชำราบ นาเยีย และสว่างวีระวงศ์ ปัจจุบันได้ขยายไปสู่เกษตรกรในพื้นที่เพิ่มเป็น 3 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญ รวม 16 อำเภอ เกษตรกร 965 ราย พื้นที่รวม 5,777 ไร่ และขับเคลื่อนการเพิ่มความสามารถด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม ทั้งทางด้านพันธุ์ การปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศ การอนุรักษ์และบำรุงดินด้วยการปลูกปอเทืองระหว่างร่องปลูกมันสำปะหลัง การแช่ท่อนพันธุ์ด้วยปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์ 3 การกำจัดวัชพืชด้วยผาลกำจัดวัชพืชแบบติดรถไถเดินตาม ทำให้เกษตรกรผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์มีผลผลิตเฉลี่ย 4.5 ตัน/ไร่ สูงกว่าค่าเฉลี่ยการผลิตมันสำปะหลังทั่วไปของจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้ผลผลิต 3.5 ตัน/ไร่

      นอกจากนี้ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 4 จังหวัดอุบลราชธานี ยังมีแผนจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้การผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์ให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกอำเภอ มีการพัฒนาโรงปุ๋ยหมักเติมอากาศด้วยนวัตกรรมใหม่ให้สามารถลดเวลาในการหมักและพัฒนาให้สามารถผลิตปุ๋ยให้เพียงพอกับพื้นที่ผลิตพืชอินทรีย์ ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนด้านปุ๋ยลงถึงร้อยละ 50 พัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์ ด้านเครื่องจักรกล และเครือข่ายการใช้เครื่องจักรกล และมีเครือข่ายการผลิตชีวภัณฑ์ ตัวห้ำ ตัวเบียน เพื่อลดต้นทุนในการป้องกันกำจัดโรค และแมลง โดยเฉพาะใบด่างมันสำปะหลัง

     ทั้งนี้ เกษตรกรเริ่มกลุ่มปลูกมันสำปะหลังอินทรีย์ในปี 2559 โดยได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีการผลิตและการอบรมจากหน่วยงานภาครัฐและกลุ่มบริษัทอุบลไบโอเอทานอล เนื่องจากมีความต้องการแป้งมันสำปะหลังอินทรีย์เพื่อจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกา 20,000 ตันแป้ง ซึ่งต้องใช้พื้นที่การผลิตประมาณ 20,000 ไร่ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจึงร่วมบูรณาการพัฒนาเกษตรกรในพื้นที่รัศมีรอบโรงงานของบริษัทเป็นพื้นที่ 4 อำเภอ ในจังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่ อำเภอพิบูลมังสาหาร วารินชำราบ นาเยีย และสว่างวีระวงศ์  จึงเกิดเป็น ROAD MAP การผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์ของจังหวัดอุบลราชธานี และนำไปสู่แผนจังหวัดและแผนภาค ในปี 2561