“เพื่อผลิตผลข้าวโพดที่ดี ฝักใหญ่ เมล็ดเต็มฝัก และได้ปริมาณเต็มไร่ จึงควรบำรุงด้วยปุ๋ยซึ่งเป็นแหล่งธาตุอาหารที่สำคัญของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม”
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หนึ่งในพืชเศรษฐกิจของไทย เป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และตลาดมีความต้องการมากขึ้นทุกปี แต่ปริมาณผลิตผลการปลูกในไทยยังไม่เพียงพอต่อความต้องการจนต้องนำเข้าวัตถุดิบอื่นทดแทน จึงเป็นโอกาสอันดีของเกษตรกรที่จะพัฒนาผลิตผลในไร่ตนเองเพื่อเติมเต็มช่องว่างนี้ ทางปุ๋ยตรากระต่าย บริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทย ขอนำสูตรเด็ดเกร็ดเกษตรการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ได้คุณภาพมาแบ่งปันเพื่อพี่น้องเกษตรกรสามารถปลูกให้ได้ฝักโต เต็มเมล็ด ผลิตผลเต็มไร่ มากถึง 1 ตันต่อไร่
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นพืชไร่ที่ปลูกและดูแลง่าย หากมีแหล่งน้ำเพียงพอจะสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี โดยแบ่งฤดูปลูกเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นแรกหรือรุ่นฤดูฝน นิยมปลูก 2 ช่วง คือ ช่วงต้นฝน (เมษายน – มิถุนายน) และปลายฝน (กรกฎาคม – สิงหาคม) และรุ่นสองหรือข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา มักจะปลูกช่วงฤดูแล้ง (พฤศจิกายน – ธันวาคม) ซึ่งข้อดีของรุ่นสองคือผลิตผลจะปลอดภัยจากปัญหาเชื้อราและโรคราน้ำค้างมากกว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลูกรุ่นแรก
ดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกควรมีลักษณะโปร่งและระบายน้ำดี การเตรียมดินเริ่มด้วยการไถดะโดยใช้รถไถผาน 3 หรือรถไถเดินตาม ถ้าปลูกในแปลงนา หลังเก็บเกี่ยวข้าวให้ตากแปลงไว้อย่างน้อย 5 – 7 วัน เพื่อทำลายวัชพืชก่อนจึงไถแปรโดยใช้รถไถผาน 7 ไถย่อยดินให้ร่วนซุยเพื่อเก็บกักความชื้นในดินและให้มีสภาพเหมาะแก่การเพาะปลูก ซึ่งถ้าดินนาเป็นกรด (pH < 5.5) ควรแก้โดยใส่ปูนขาวหรือปูนมาร์ล
นอกจากนี้ การจัดการแปลงปลูกที่ดีจะช่วยให้เกษตรกรประหยัดเวลา แรงงาน ทั้งยังทำให้ต้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เติบโตสม่ำเสมอเท่ากันทั้งแปลงอีกด้วย โดยทั่วไปมีการจัดการแปลงปลูก 2 รูปแบบ คือ
1.ปลูกแบบแถวเดี่ยว เว้นระยะหยอดระหว่างแถว 75 ซม. และปลูกในระยะห่าง 20 – 25 ซม.หยอดเมล็ดข้าวโพดลง 1 – 2 เมล็ดต่อหลุม
2.ปลูกแบบแถวคู่ มีการยกร่องสูง เว้นระยะร่องละ 120 ซม. ปลูกเป็นสองแถว ข้างร่องเว้นระยะห่าง 30 ซม. ปลูกห่างต้นละ 20 – 25 ซม. แนะนำปลูก 1 – 2 ต้นต่อหลุม
การจัดการแปลงปลูกทั้ง 2 รูปแบบนี้จะให้จำนวนต้นต่อไร่ประมาณ 8,500 – 10,600 ต้น โดยใช้เมล็ดข้าวโพดประมาณ 3 – 3.5 กิโลกรัมต่อไร่
ในส่วนของการให้น้ำ สำหรับการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนาควรให้ดินชุ่มชื้นตลอดฤดูการปลูกแต่ไม่ท่วมขัง เพราะต้นจะเหลือง แคระแกร็น ผลิตผลลดลง และอาจตายได้ หากพบว่าดินมีความชื้นไม่เพียงพอสำหรับการงอกและการเจริญเติบโตในระยะแรก (1 – 2 สัปดาห์) ควรให้น้ำก่อนปลูกโดยไถดะพร้อมกับปล่อยน้ำเข้าแปลง เมื่อดินมีความชื้นเหมาะสมจึงไถดะพร้อมคราดเพื่อเก็บรักษาความชื้นและพร้อมต่อการเพาะปลูก จากนั้นจึงให้น้ำครั้งแรกหลังปลูกและให้น้ำครั้งต่อไปเมื่อดินแห้งหรือสังเกตได้จากอาการเหี่ยวของใบข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงบ่าย
เพื่อผลิตผลที่ดี ฝักใหญ่ เมล็ดเต็มฝัก และได้ปริมาณเต็มไร่ จึงควรบำรุงด้วยปุ๋ยซึ่งเป็นแหล่งธาตุอาหารที่สำคัญของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม โดยให้ปุ๋ย 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ปุ๋ยรองพื้น แนะนำปุ๋ยตรากระต่ายรองพื้นสูตร 15-15-15 หรือ 16-20-0 หรือ 16-16-8 หรือ 16-8-8 ในอัตรา 30 – 50 กิโลกรัมต่อไร่
ช่วงที่ 2 ปุ๋ยแต่งหน้า เมื่อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีอายุ 40 – 45 วันหลังปลูก (ใกล้ออกไหม) หากสังเกตว่าต้นเริ่มมีอาการเหลืองหรือไม่สมบูรณ์ ให้ใส่ปุ๋ยตรากระต่ายสูตร 46-0-0 ในอัตรา 25 – 30 กิโลกรัมต่อไร่ โดยโรยข้างต้นในขณะที่ดินมีความชื้นหรือให้น้ำตาม (ทำรุ่นหรือกำจัดวัชพืชก่อน)
ทั้งนี้ ต้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มักอ่อนแอต่อวัชพืชที่สุดในช่วง 13 – 25 วันหลังงอก การใช้สารกำจัดวัชพืชจึงเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยป้องกันได้ดี อย่าง คลีโอ-โปร โดยเจียไต๋ สารกำจัดวัชพืชในไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยความครบครันมาพร้อม 3 ชนิดจบงานได้ในหนึ่งเดียว เพราะช่วยคุมและฆ่าหญ้า ทั้งยังมีสารเสริมประสิทธิภาพที่ช่วยให้น้ำยาเกาะติดใบหญ้า ออกฤทธิ์คุมฆ่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ กำจัดได้ทั้งหญ้าใบแคบและใบกว้างในไร่ได้ทุกสายพันธุ์ ช่วยประหยัดและลดต้นทุนสารกำจัดวัชพืชได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเก็บเกี่ยวคือช่วงที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แก่จัดและแห้งสนิท อายุประมาณ 120 วันหลังปลูก (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) สังเกตจากลักษณะของต้นที่แห้งและเปลี่ยนเป็นสีฟางขาวทั้งแปลง โดยเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ควรมีความชื้นประมาณ 20-25 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ไม่ควรเก็บเกี่ยวในขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีความชื้นสูง
การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ได้ผลิตผลดี มีคุณภาพเต็มไร่ ทำได้ไม่ยาก เกษตรกรสามารถปรับใช้สูตรเด็ดเกร็ดเกษตรโดยปุ๋ยตรากระต่ายให้เหมาะสมกับแปลงของตน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและสร้างรายได้ที่มั่นคง โดยปุ๋ยตรากระต่ายพร้อมสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรไทยด้วยนวัตกรรมการเกษตร เสริมสร้างความยั่งยืนทางอาหาร และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร สำหรับผู้ที่สนใจในเคล็ดลับการเกษตรอื่นๆ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง Facebook ปุ๋ยตรากระต่าย: www.facebook.com/puitrakratai