มติ ครม.ผ่านฉลุย เยียวยาชาวสวนลำไยปี ’63 ไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 25 ไร่

  •  
  •  
  •  
  •  
 
                                                                      เฉลิมชัย ศรีอ่อน
 
ครม.มีมติอนุมัติการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 ที่ได้รับผลกระทบด้านการผลิตและตลาดจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 อัตราไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 25 ไร่/ครัวเรือน  ย้ำต้องขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรภายใน 15 ก.ย.นี้
     นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันที่ 25 สิงหาคม 2563 ได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ที่ได้รับแจ้งจากสภาอาชีพเกษตรกร และมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะเลขานุการ Fruit Board เสนอโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 เพื่อช่วยเหลือชาวสวนให้สามารถฟื้นฟูการผลิตลำไยที่ได้รับผลกระทบทั้งด้านการผลิตและการตลาด รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้มีแนวทางปฏิบัติต่อสวนลำไยเพื่อประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากปีนี้สภาพอากาศที่ร้อนแล้งส่งผลให้ลำไยมีการออกดอกและติดผลมากแต่ผลลำไยไม่ได้คุณภาพ รวมทั้งเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ชาวสวนลำไยได้รับความเดือดร้อน
 
      สำหรับเป้าหมายของโครงการจะต้องเป็นเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรทุกครัวเรือน ประมาณ 200,000 ครัวเรือน พื้นที่ไม่เกิน 1,200,000 ไร่ และเป็นพื้นที่ลำไยที่ให้ผลผลิตแล้ว (อายุต้นลำไยตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป) อัตราไร่ละ 2,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ พร้อมเน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไยอย่างทั่วถึง โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการทุจริตและให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนลำไยมากที่สุด
                                                                      เข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง
 
     ด้านนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สำหรับเงื่อนไขการรับแจ้งยืนยันสิทธิ์เข้าร่วมโครงการเยียวยาชาวสวนลำไย ปี 2563 เกษตรกรที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องมีสัญชาติไทย และบรรลุนิติภาวะแล้ว เป็นหัวหน้าครัวเรือนที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกลำไยกับกรมส่งเสริมการเกษตรภายในวันที่ 15 กันยายน 2563 และในกรณีที่เป็นเกษตรกรซึ่งเคยขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้ก่อนหน้านี้แล้ว (ก่อนมีมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 25 สิงหาคม 2563) ขอให้มาปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันภายในวันที่ 15 กันยายน 2563
      ส่วนเกษตรกรรายใหม่ที่ยังไม่เคยขึ้นทะเบียนเกษตรกรมาก่อน หากเกษตรกรประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ ต้องมาขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 กันยายน 2563 เช่นเดียวกัน โดยต้องเตรียมเอกสารและหลักฐานการขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้พร้อม ได้แก่ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สำเนาเอกสารสิทธิ์ (ถ้ามี) สำหรับทะเบียนบ้านที่นำมาขึ้นทะเบียนเกษตรกรจะต้องมีการกำหนดบ้านเลขที่ และกรณีที่ย้ายเข้าทะเบียนบ้านใหม่ ต้องดำเนินการตามเงื่อนไขของกระทรวงมหาดไทย ก่อนวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 ส่วนการจ่ายเงินให้เกษตรกรจะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงที่เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งจะดำเนินการตามกรอบระยะเวลาโครงการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2563