“ประภัตร” ตรวจเยี่ยมศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอุบลฯ กำชับให้ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวฯเร่งผลิตเมล็ดพันธุ์ให้ได้ปีละ 2 แสนตัน จากเดิม 8.5 หมื่นตัน รองรับปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งภัยแล้งว-น้ำท่วมให้เพียงพอ
วันที่นี้ 27 มิถุนายน 2563 นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินไปเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ฤดูฝนปี 2563 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับ ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 12 ศูนย์ ใน 12 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น อุดรธานี สกลนคร บึงกาฬ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอำนาจเจริญ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอุบลราชธานี อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
นายประภัตร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับข้าวและชาวนาไทย ซึ่งประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวมากถึงปีละกว่า 70 ล้านไร่ เกษตรกรประมาณ 4.3 ล้านครัวเรือน โดยรัฐบาลมุ่งหวังให้สินค้าเกษตรโดยเฉพาะสินค้าข้าวเป็นสินค้าที่มีศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือการวางรากฐานในการรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ ซึ่งผลผลิตที่ดีมาจากเมล็ดพันธุ์ที่ดี อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา จากเดิมได้ตั้งเป้าผลิตเมล็ดพันธุ์ 85,000 ตันต่อปีนั้น จะต้องเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 ตันต่อปี
นายประภัตร กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่ผ่านมา จึงได้กำชับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว เร่งรวบรวมเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพให้เพียงพอ ที่จะมอบให้ชาวนาที่ประสบภัยธรรมชาติที่มีความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อให้ชาวนาได้มีเมล็ดพันธุ์ดีใช้ และเน้นย้ำอย่าลืมชาวนา ตนจึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามเป้าหมายที่วางไว้ ตลอดจนต้องเร่งเปิดรับสมาชิกแปลงนาให้มากขึ้น
ทั้งนั้เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ให้เพียงพอส่งศูนย์เมล็ดพันธุ์ในแต่ละจังหวัด รองรับปัญหาฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยเหมือนปีที่ผ่านมา ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน หากขาดเหลือเครื่องมืออุปกรณ์ใดๆ ให้แจ้งมาที่ส่วนกลาง พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งการประชุมในวันนี้ได้มอบนโยบายให้แก่ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อนำไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร
สำหรับสถานการณ์การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ฤดูนาปี 2563/2564 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 ศูนย์ เป้าหมายพื้นที่ปลูก 115,580 ไร่ ปลูกแล้ว 94,681 ไร่ ยังไม่ได้ปลูก 20,903 ไร่ ทั้งนี้ จ.อุบลราชธานีมีพื้นที่ประมาณ 10 ล้านไร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เพื่อการเกษตรประมาณ 5.84 ล้านไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ทำนา 4.39 ล้านไร่ พื้นที่ทำไร่ 0.673 ล้านไร่ และพื้นที่ไม้ผลไม้ยืนต้น 0.503 ล้านไร่ ถือเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ทำนามากที่สุดในประเทศไทย โดยพื้นที่ปลูกข้าวส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิ มีคุณภาพดีเป็นพิเศษ เกิดจากลักษณะเฉพาะทางภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ และลักษณะทางกายภาพของดิน รวมกับภูมิ ปัญญาท้องถิ่นในการปลูกข้าว จนได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือจีไอ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 เป็นต้นมา
จากนั้น รมช.เกษตรฯ เดินทางตรวจเยี่ยมชมกิจกรรมและพบปะกลุ่มนาแปลงใหญ่ตำบลเกษมผลิตข้าวอินทรีย์ พร้อมติดตามสถานการณ์เพาะปลูกพืชและสถานการณ์ภัยแล้ง ณ ต.เกษม อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ซึ่งกลุ่มนาแปลงใหญ่แห่งนี้ ก่อตั้งเมื่อปี 2560 มีสมาชิกรวม39 ราย พื้นที่ 585 ไร่ ผลิตข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 และ กข6 ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของเกษตรกรในพื้นที่ วัตถุประสงค์เพื่อให้มีเมล็ดพันธุ์ดีใช้เพียงพอ สร้างความสามัคคีแก่ชุมชน และพึ่งพาตนเองได้ พร้อมกันนี้ได้มอบเมล็ดพันธุ์ข้าวจำนวน 1 ตัน ให้แก่สมาชิกกลุ่ม รวมทั้งให้กำลังพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเมื่อปีที่ผ่านมา