2 วิธี ปราบเพลี้ยอ่อน-แมลงหวี่ขาวในพริก…เตือรกษตรกรต้องระวัง!!มันมาในช่วงอากาศร้อน-แดดจัด

  •  
  •  
  •  
  •  

      กรมวิชาการเกษตร แจ้งว่า ช่วงที่สภาพอากาศร้อนตลอดวัน และมีแดดแรงในระยะนี้ จึงขอเตือนเกษตรกรผู้ปลูกพริก ให้เฝ้าระวังการระบาดของเพลี้ยอ่อน และแมลงหวี่ขาว มักพบการเข้าทำลายในระยะเก็บเกี่ยวผลผลิตพริก

     สำหรับเพลี้ยอ่อน จะพบตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและยอด ทำให้ใบและยอดอ่อนหงิกงอ บิดเบี้ยวเป็นคลื่น ส่งผลทำให้ต้นพริกชะงักการเจริญเติบโต และยังเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคใบด่างในพริก ซึ่งจะระบาดในช่วงอากาศแห้งแล้ง

     ดังนั้นขอแนะนำให้เกษตรกร ควรใช้วิธีเขตกรรมในการกำจัดวัชพืชในแปลงไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก หากพบเพลี้ยอ่อน มีความหนาแน่น 10-20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ใบทั้งต้นจากจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ของต้นทั้งหมด ให้พ่นด้วยสารฆ่าแมลงอิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟิโพรนิล 5% เอสซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอีโทเฟนพร็อกซ์ 20% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร และควรพ่นสารอย่างใดอย่างหนึ่ง

      ในส่วนของแมลงหวี่ขาว มักพบตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบอ่อน และยังเป็นพาหะนำโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ทำให้ใบพริกหงิกซีดด่าง หรือใบหงิกเหลือง ยอดไม่เจริญ และต้นพริกไม่สมบูรณ์ ผลพริกที่ได้ไม่มีคุณภาพ หากพบให้ใช้สารฆ่าแมลงใช้สารฆ่าแมลงอิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟิโพรนิล 5% เอสซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร โดยสามารถพ่นซ้ำด้ตามการระบาด