“สนธิรัตน์” ชี้ 1 มี.ค.63 ปาล์มแตะ กก. 7-8 บาท ดึงเกษตรกรช่วยสกัดลักลอบนำเข้า “ซีพีโอ”

  •  
  •  
  •  
  •  

 สนธิรัตน์” การันตีการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B10 เป็นนโยบายถาวร ไม่กลับไปกลับมา รัฐบาลจะดูแลเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันทั้งปี คาด 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ราคาแตะที่ กก.ละ 7-8 บาท ชี้พลังงานจะดูดซับผลผลิตถึง 2 ใน 3 ของปริมาณผลิตทั้งหมด วอนเกษตรกรช่วยแจงเบาะแส สกัดลักลอบนำเข้า “ซีพีโอ”ด้วย

      วันที่ 29 มกราคม 2563 หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ คมชัดลึก และเครือเนชั่นฯจัดสัมมนาหัวข้อ “B10 สร้างสมดุลปาล์มน้ำมัน สู่ความยั่งยืน”ที่ จ.กระบี่ โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรววพลังงาน ปาถกถาพิเศษและชี้แจงนโยบาย “B10 น้ำมันบนดิน เพื่อเศรษฐกิจฐานราก” ว่า รัฐบาลยืนยัน จะส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B10 เป็นน้ำมันเกรดพื้นฐานของดีเซล จะเป็นนโยบายถาวร เพื่อแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ โดยจะดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (CP0) ส่วนเกินมาผลิตดีเซล บี10 เพื่อทำให้น้ำมันบนดิน มีราคาดีกว่าน้ำมันใต้ดิน

      ปัจจุบัน ราคาปาล์มที่ปรับตัวดีขึ้นมาจาก 2 แนวทางหลัก คือ 1.เป็นช่วงปลายฤดูกาลผลิตซึ่งมีผลผลิตน้อยและสต็อกน้อย 2.โรงกลั่นน้ำมัน ได้เร่งสั่งซื้อน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 100%(B100) เพื่อเตรียมพร้อมนำมาผลิตดีเซล B10 ตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน ที่กำหนดให้ทุกสถานีบริการ(ปั๊ม)น้ำมันทั่วประเทศ จะต้องจำหน่ายดีเซล B10 ครบทุกปั๊ม ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.63 เป็นต้นไป จนทำให้ราคาปาล์มแตะเบรกไม่อยู่ขึ้นไปแตะ 7-8 บาทต่อกิโลกรัม

     “ขอให้พี่น้องชาวใต้ มั่นใจว่า ต่อจากนี้ไปราคาปาล์มจะดีอย่างแน่นอน เพราะภาคพลังงานจะดูดซับผลผลิตปาล์ม 2 ใน 3 ของปริมาณผลิต และอีก1 ใน 3 จะเป็นการบริโภค ซึ่งรถยนต์กินปาล์มทุกวันไม่มีเบื่อ แต่ภาคการบริโภคเบื่อแล้วก็หันไปกินอย่างอื่นได้ และ B10 เป็นนโยบายถาวรไม่กลับไปกลับมา ฉะนั้นราคาปาล์มทั้งปีนี้ รัฐบาลจะดูแลให้มีเสถียรภาพ”นายสนธิรัตน์ กล่าว

       ดังนั้น จากนี้ไปสิ่งที่รัฐบาลและพี่น้องเกษตรกรชวนปาล์มจะต้องช่วยกัน คือ การดูแลไม่ให้เกิดปัญหาการลักลอบน้ำเข้า CPO จากต่างประเทศ หลังจากราคา CPO ของไทยดีขึ้นเกือบแตะ 30 บาทต่อกิโลกรัม จากต่างประเทศราคาอยู่ที่ราว 20 บาทต่อกิโลกรัม ของไทยแพงกว่า 2 เท่า ฉะนั้นพี่น้องเกษตรกรจะต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสให้กับภาครัฐหากพบเห็นการลักลอบ เพื่อสร้างเสถีรยภาพราคาปาล์ม

      ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน ได้จับมือกับบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) และนักวิชาการ คิดค้นเทคโนโลยีตรวจสกัดจับ CPO ที่ไม่ได้ผลิตในประเทศไทย โดยกรมธุรกิจพลังงาน จะเป็นแม่งานในการส่งทีมลงพื้นที่ตรวจสอบถังเก็บCPO ภาคพลังงานทุกโรงงานสกัดทั่วประเทศ ซึ่วหากพบว่า ไม่ใช่ CPO ของไทย จะยกเลิกการรับซื้อทันที และในอนาคตจะต่อยอดไปสู่การตรวจจับCPO ในภาคการบริโภคต่อไปด้วย

       รมว.พลังงาน ได้ขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์มด้วยว่า ให้ใจแข็งและพยายามอย่ารีบตัดปาล์มอ่อนออกมาขาย เพราะจะทำให้ถูกกดราคารับซื้อ แต่ควรรอให้ผลปาล์มแก่ก่อนแล้วค่อยตัด เพื่อให้ได้ราคาที่ดีกว่า นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ยังเตรียมหามาตรการที่จะดูแลการตัดผลปาล์มให้ได้ราคาดีเพื่อนำมาช่วยและให้ความรู้ต่อเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตฤดูกาลใหม่ใกล้จะออกสู่ตลาดในเร็วๆนี้ด้วย แต่ในขณะนี้ ขอให้เกษตรกรช่วยใส่ปุ๋ยเพื่อดูแลผลผลิตปาล์มให้มีคุณภาพไปก่อน

ที่มา : bangkokbiznews.com