ทึ่ง!อันชัญพันธุ์ใหม่ “เทพรัตน์ไพลิน 63”ให้ผลผลิตดอกดก-มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

  •  
  •  
  •  
  •  


กรมวิชาการเกษตร  ชูอันชัญพันธุ์ใหม่  “เทพรัตน์ไพลิน 63 ” คุณสมบัติเด่นเกินคาด ให้สารสำคัญแอนโทไซยานินช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์สูง  กลีบดอกใหญ่ 5 กลีบซ้อนเวียน   สม่ำเสมอในต้นเดียวกัน  ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไปถึง 30%   แถมเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่า 6 วัน   ชี้เป็นทางเลือกใหม่ที่สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกร เผยมีมีส่งออกเกาหลี เพื่อแปรรูปทำเป็นชา

          นางสาวเสริมสุข   สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  เปิดเผยว่า อัญชัน เป็นพืชที่ออกดอกเกือบตลอดปี   แม้จะเป็นพืชที่มีการผสมตัวเอง แต่ในธรรมชาติมักพบมีการผสมข้ามสายพันธุ์โดยแมลงสูงมาก  จึงทำให้มีการกระจายตัวทางพันธุกรรม  โดยอัญชันพันธุ์ปลูกทั่วไปพบมีความแปรปรวนทางพันธุกรรม ทำให้ ลักษณะกลีบดอกไม่สม่ำเสมอ   โดยมีกลีบดอกตั้งแต่ 3-5 กลีบปะปนในต้นเดียวกันและมีทั้งซ้อนและไม่ซ้อนกัน  ทำให้ได้ผลผลิตและสารแอนโทไซยานินซึ่งเป็นสารสำคัญช่วยต้านอนุมูลอิสระ  และชะลอความเสื่อมของเซลล์ในอัญชัญไม่คงตัวและไม่สม่ำเสมอ 

        กระทั่งในปี 2554 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร  กรมวิชาการเกษตร  จึงได้ทำการปรับปรุงอัญชันพันธุ์ปลูกทั่วไป   โดยปลูกและคัดเลือกอัญชันพันธุ์ปลูกทั่วไป  ใช้การคัดเลือกพันธุ์บริสุทธิ์  ทำการคัดแยกเป็นสายพันธุ์  โดยคัดเลือกต้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิตดอกเร็ว ผลผลิตสูง ลักษณะดอก มีกลีบดอก 4-5 กลีบ ซ้อน และให้ปริมาณแอนโทไซยานินรวมสูงสุด หรือไม่น้อยกว่า 70 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักกลีบดอกสด 100 กรัม  และปลูกทดสอบพันธุ์ร่วมกับพันธุ์ปลูกทั่วไปในแปลงของเกษตรกร  เพื่อให้ได้อัญชันพันธุ์แท้ที่มีความสม่ำเสมอของลักษณะดอก และให้ผลผลิตมากกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไปอย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์

      สำหรับการปรับปรุงพันธุ์อัญชัญประสบความสำเร็จ ได้อัญชัญพันธุ์ใหม่เสนอเป็นพันธุ์พืชแนะนำของกรมวิชาการเกษตร ใช้ชื่อว่า “อัญชันพันธุ์เทพรัตน์ไพลิน 63 ”โดยมีลักษณะเด่นตามที่ต้องการ คือ ให้ผลผลิตดอกสดสูงถึง 2,122 กิโลกรัมต่อไร่  ซึ่งมากกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไป   และยังเก็บเกี่ยวผลผลิตครั้งแรกได้เร็วกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไป 6 วัน  มีปริมาณแอนโทไซยานินรวมมากกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไป 1.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักกลีบดอกสด 100 กรัม  และลักษณะเด่นที่สำคัญ คือ ลักษณะดอกมีกลีบดอกใหญ่ 5 กลีบซ้อนเวียน  ซึ่งการมีจำนวนกลีบดอกที่เท่ากันและมีความสม่ำเสมอในต้นเดียวกัน  จะช่วยเพิ่มผลผลิตและเพิ่มน้ำหนักดอก  ในขณะเดียวกันถ้าจำนวนกลีบดอกไม่เท่ากัน  น้ำหนักแต่ละดอกก็จะต่างกัน  ผลผลิตโดยรวมก็จะไม่คงตัวและทำให้ได้ผลผลิตไม่คงที่

        ปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร ได้กระจายเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรได้นำไปปลูกแล้วหลายจังหวัด  โดยเมล็ดพันธุ์คัด  2 กิโลกรัม ถ้าปลูกขยายพันธุ์ในพื้นที่ 10 ไร่  สามารถผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์หลักได้ 1,000 กิโลกรัม เมื่อนำเมล็ดพันธุ์หลักไปปลูกต่อสามารถผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ขยายได้ 500 ตัน โดยศูนย์วิจัยและพัฒนการเกษตรพิจิตร  ได้ให้คำแนะนำการปลูกแก่เกษตรกรในกรณีปลูกเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ให้ได้ตรงตามพันธุ์ และเพื่อรักษาคุณภาพเมล็ดพันธุ์  โดยปลูกให้มีระยะห่างจากพันธุ์อื่น 

       ทั้งนี้เพื่อป้องกันการผสมข้ามโดยแมลง  ซึ่งจะทำให้เมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อมีความแปรปรวนได้  ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรได้นำอัญชัญพันธุ์เทพรัตน์ไพลิน 63 ที่ได้รับจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตรไปปลูกขยายเป็นการค้าโดยส่งออกดอกอัญชัญไปประเทศเกาหลีเพื่อนำไปแปรรูปเป็นชา  ถือเป็นการสร้างรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้อีกทางหนึ่ง  เกษตรกรที่สนใจพันธุ์อัญชัญเทพรัตน์ไพลิน 63 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร โทร.0-5699-0035