นราธิวาสเจอเต็มๆโรคใบร่วงชนิดใหม่จากมาเลย์ สวนยางยับแล้วกว่า 2 แสนไร่

  •  
  •  
  •  
  •  

 “โรคใบร่วงชนิดใหม่” ระบาดหนักในสวนยางพารา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เผยเป็นเชื้อราระบาดจากประเทศมาเลเซีย เฉพาะในจังหวัดนราธิวาสคร่าแล้วกว่า 2 แสนไร่ บางพื้นพบระบาดถึง 100 % ทำให้ผลผลิตน้ำยางลดลงถึงครึ่งหนึ่ง เตือนเกษตรกรให้ระวัง แนะอย่าเคลื่อนย้ายวัสดุปลูก ใบยาง กิ่งตายาง ไปสู่พื้นที่อื่น

        นายธีรพงศ์ ตันติเพชราภรณ์ ประธานคณะกรรมการด้านยางพารา สภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์พบการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราพื้นที่จังหวัดนราธิวาส พาหะนำเชื้อราโรคนี้คือลมพัดมาอยู่ในสวนยางพาราของเกษตรกรทั้งในดิน,กิ่งพันธุ์ หรือวัสดุที่ปลูก ฝังตัวอยู่ได้นาน จนเมื่ออุณหภูมิเหมาะสมด้วยสภาพความชื้นเชื้อ จึงฟักตัวและเกิดการระบาดขึ้น มีผลทำให้ผลผลิตลดลง 30 – 50%    ทั้งนี้ ได้มีการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือเกษตรกรในเรื่องของการเคลื่อนย้ายวัสดุปลูก ใบยาง กิ่งตายาง อย่าเคลื่อนย้ายไปสู่จังหวัดหรือพื้นที่อื่น

ภาพนี้จาก: ryt9.com

       ขณะนี้มีรายงานการเฝ้าระวังและตรวจเช็คอยู่ว่า ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลาอาจมีการติดเชื้อของโรคใบร่วงในยางพารา จึงเฝ้าระวังในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนซึ่งมีอาณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม สภาเกษตรกรฯได้ประสานงานกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เพื่อเตรียมการใช้สารเคมี โดยจะใช้โดรนขึ้นบินและพ่นสารเคมีเพื่อทดสอบว่า วิธีนี้จะสามารถยับยั้งการระบาดเชื้อราของโรคใบร่วงในยางพาราได้หรือไม่

      ทั้งนี้ เลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติได้ทำหนังสือถึงประธานสภาเกษตรกรจังหวัด 3 จังหวัด คือ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา เพื่อขอให้สำรวจพื้นที่มีการระบาดและพื้นที่ที่ยังไม่ระบาด เพื่อควบคุมพร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรบำรุงต้นยางให้มีความสมบูรณ์เพื่อต้านทานโรคใบร่วงในยางพารา

        สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยจะเข้าปรึกษากับทาง กยท.เพื่อดูระเบียบในการใช้กองทุนพัฒนายางพาราโดยเฉพาะ (5) เรื่องสวัสดิการที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัย วาตภัย หรือภัยจากโรคระบาด กองทุนนี้จะไปเยียวยาให้เกษตรกรที่เกิดโรคระบาดนำไปดูแลยับยั้งเชื้อหรืออาจนำไปซื้อปุ๋ย เพื่อบำรุงต้นยางต่อไปได้หรือไม่

         ด้าน นายประหยัด ลอแม ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า  โรคใบร่วงในยางพาราพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเริ่มมีมา 2 ปีแล้วแต่ไม่รุนแรงเหมือนกับปีนี้ การระบาดเกิดจากลมที่พัดมาจากประเทศมาเลเซียและประเทศอินโดนีเซีย ด้วยสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกชุกเหมือนกับพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย

       จากการจัดเก็บข้อมูลการระบาดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส พบที่ระบาดมากคือ อำเภอแว้ง 83,000 ไร่ อำเภอสุไหงปาดี 57,000 ไร่ อำเภอสุคิริน 34,250 ไร่ อำเภอสุไหงโกลก 12,000 ไร่ อำเภอระแงะคิดเป็น 70% ของพื้นที่ อำเภอรือเสาะคิดเป็น 90 -100% ของพื้นที่    ส่วนพื้นที่อำเภออื่นๆ พบการระบาดบ้างแต่เกษตรกรเข้าใจว่าเมื่อฝนตกชุกใบยางก็ต้องร่วงเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการผลัดใบต้นยาง จึงขอให้เกษตรกรสังเกตที่ใบยางว่า มีลักษณะวงกลมสีเหลืองเป็นจุดจุดเหมือนรอยไหม้ ร่วงจนเหลือแต่กิ่ง ก้าน

      คำแนะนำในเบื้องต้นให้เกษตรกรหยุดกรีดยางแล้วใส่ปุ๋ยบำรุงเพื่อให้ต้นยางมีความสมบูรณ์และต้านทานโรค ทั้งนี้ สภาเกษตรกรจังหวัดนราธิวาสได้ประสาน กยท.อำเภอสุไหงโกลก ได้ทำการทดลองใช้โดรนบรรจุน้ำยาฆ่าเชื้อราโปรยทางอากาศให้กับต้นยางพาราของเกษตรกรในพื้นที่ตำบลโละจูด หากได้ผลจะนำขยายไปยังพื้นที่ระบาดอำเภออื่นต่อไป