ดลมนัส กาเจ
“ปกติบ้านเราจะปลูกอินทผาลัมสายพันธุ์กินสด แต่ที่บ้านคาเป็นอินผาลัมที่ต้องมาอบก่อน เหมือนลูกพลับ เพราะผลดิบจะมีรสฝาด ต้องมาอบก่อน เหมือนกับอินทผาลัมที่ปลูกส่วนใหญ่ในตะวันออกกลาง ตอนนี้ขายกันในราคา กก.ละตั้งแต่ 300-800 บาท”
ปกติในประเทศไทยจะมีการปลูกอินทผาลัมที่ขึ้นงอกงาม และให้ผลผลิตได้ดีจะเป็นอินทผาลัมกินผลสด ปลูกมากที่สุดเป็นสายพันธุ์บาร์ฮี ตามด้วยอัด เอ็ด ดาฮาน (Um ed dahan) บางที่ปลูกพันธุ์เด็คเลตนัวร์ (Degletnour) แต่สำหรับที่ ต.บ้านคา อ.บ้านคา จ.ราชบุรี จะปลูกอินทผาลัมพันธุ์ที่ต้องอบแห้ง เกษตรกรนำเข้าเมล็ดจากตะวันออกกลางมาปลูกปรากฏว่า ออกผผลผลิตดีมากและมีถึง 7 สี ขายในราคากก.ละ 300-800
กรรณวิตา จันทร์ศิริ เกษตรกรผู้ปลูกอินทผาลัมจากเมล็ดนำเข้า บอกว่า ในพื้นที่ ต.บ้านคา อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ได้มีการทดลองปลูกอินทผาลัมชนิดบอบแห้งมาปลูกปรากกว่างอกงามและให้ผลผลิตได้เป็นอย่างดี เป็นอินทผาลัมที่นำเข้าเมล็ดจากตะวันออกกลาง แต่ไม่ทราบว่าเป็นสายพันธุ์อะไรบ้าง หลังจากที่ปลูกแล้ว และให้ผลผลิตพบว่าผลอินทผาลัมมีหลากสีถึง 7 สีด้วยกัน ทั้งสีเหลือง ส้ม ม่วง เป็นต้น บางสายพันธุ์พอทราบว่าเป็นสายพันธุ์อะไร บางสายพัรนธุ์ไม่ทราบ
กระนั้นเธอ บอกว่า ไม่ได้ซีเรียสในเรื่องสายพันธุ์ เพราะมาปลูกในประเทศไทยกลายพันธุ์ที่ดดีขึ้น เพาะสภาพดิยดีกว่า จึงตั้งใจจะตั้งชื่อสายพันธุ์เองเป็นของไทย ตอนนี้รายใหญ่ที่มีการปลูกเต็มพื้นที่แล้ว 50 ไร่ ให้ผลผลิตตกต้นะลราว 60 กก.ส่วนของเธอนั้นเพิ่งปลูกได้ 2 ปี
“ปกติบ้านเราจะปลูกอินทผาลัมสายพันธุ์กินสด แต่ที่บ้านคาเป็นอินผาลัมที่ต้องมาอบก่อน เหมือนลูกพลับ เพราะผลดิบจะมีรสฝาด ต้องมาอบก่อน เหมือนกับอินทผาลัมที่ปลูกส่วนใหญ่ในตะวันออกกลาง ตอนนี้ขายกันในราคา กก.ละตั้งแต่ 300-800 บาท อีกส่วนหนึ่งนำมาแปรรูปทำเป็นคุ๊กกี้และน้ำอินทผาลัมด้วย“ กรรณวิตา กล่าว (รายละเอียดในคลิป)
อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรสนใจที่จะปลูก เธอ บอกว่าต้องไปดู และศึกษาก่อน เพราะการปลูกด้วยการเพาะเมล็ดจะมีความต่างกับพันธุ์ที่มาจากเนื้อเยื่อ สนใจสอบถามได้ที่โทร.08-1880-5684