“กฤษฎา” ยืนยันการส่งเสริมการปลูกพืชหลังฤดูทำนา จะต้องมีตลาดรองรับแน่นอน ตามรูปแบบหาตลาดตามแนวทางประชารัฐ เน้นการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ชี้การเลี้ยงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีกำไรแน่นอนไม่ต่ำกว่าไร่ละ3,810 บาท
นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนการส่งเสริมการปลูกพืชหลังฤดูทำนาเพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ณ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบาย การตลาดนำการผลิต โดยวางแผนการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ที่มีการบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้เกิดความสมดุล เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต มีตลาดรองรับที่แน่นอนผลผลิตไม่ล้นตลาด เกษตรกรมีรายได้และมีความมั่นคงในอาชีพการเกษตรมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นโยบายการส่งเสริมการปลูกพืชหลังฤดูทำนาเพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกร โดยมีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากเป็นพืชเศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง ใช้น้ำน้อย และปัจจุบันผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทั้งนี้ได้นำร่องส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นโมเดลต้นแบบและจะขยายผลเพื่อส่งเสริมปลูกพืชชนิดอื่น ๆ หลังฤดูทำนา เช่น พืชผัก และพืชตระกูลถั่ว ต่อไป
“แนวทางในการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมหลังฤดูทำนาปีนั้น ไม่ว่ากระทรวงเกษตรฯ จะสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกหรือทำการเกษตรอะไร จะต้องมีตลาดรองรับ จึงใช้รูปแบบหาตลาดตามแนวทางประชารัฐ เพื่อส่งเสริมให้ภาครัฐ เกษตรกร เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดแนวทางการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยมีระบบสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรเป็นองค์กรกลางในการขับเคลื่อน และเชื่อมั่นว่าการปรับเปลี่ยนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วยให้ราคาสินค้าเกษตรมีเสถียรภาพ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์มีวัตถุดิบใช้อย่างมั่นคง และประหยัดทรัพยากรน้ำอีกด้วย” นายกฤษฎา กล่าว
สำหรับอำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่นมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 1,053 ราย พื้นที่เพาะปลูก 6,389.75 ไร่ ในจำนวนนี้เป็นสมาชิกสหกรณ์จำนวน 64 ราย พื้นที่เพาะปลูก 315 ไร่ ส่วนต้นทุนการผลิตเฉลี่ยที่ 5,190 บาทต่อไร่ คาดว่าจะได้ผลิตผลิตเฉลี่ย 1,800 กก.ต่อไร่ และจะสามารถขายข้าวโพดได้ในราคาไม่ต่ำกว่ากก.ละ 5 บาท ความชื้น 27-30 % (เป็นข้าวโพดฝักแก่เมล็ดติดฝักปลอกเปลือก) ซึ่งสมาชิกจะมีรายได้ประมาณไร่ละ 9,000 บาทเป็นอย่างต่ำ ทำให้เกษตรกรมีกำไรต่อไร่ ไม่ต่ำกว่า 3,810 บาท ต่อไร่ ซึ่งในปัจจุบันถือว่ามีรายได้มากกว่าการปลูกข้าวซึ่งมีต้นทุนสูงกว่าการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์.