เดินหน้าต่อ“จูเนียร์ คอฟฟี่ ฟาร์มเมอร์”สร้างเยาวชนคนรักอาชีพทำสวนกาแฟ

  •  
  •  
  •  
  •  

ตามข้อมูลระบุว่า ในปนะเทศไทยมีคอกาแฟที่ต้องดื่มกาแฟเป็นประจำทุกเช้าไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นตันต่อปี ในขณะที่ผลผลิตกาแฟในประเทศไทยสามารถผลิตได้เพียงปีละ 2 หมื่นตันเท่านั้น สาเหตุสำคัญที่ผลิตกาแฟภายในประเทศยังไม่เพียงพอต่อการบริโภคกา มี 2 สาเหตุด้วย

สาเหตุหนึ่งประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูกกาแฟลดลง แม้ว่าสภาพอากาศในประเทศไทยมีความเหมาะสมกับการปลูกกาแฟทั้งพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งชอบอากาศร้อนชื้นของจังหวัดในภาคใต้และภาคตะวันออก และพันธุ์อาราบิก้า ที่ชอบอากาศเย็นชื้นของหลายพื้นที่ในภาคเหนือ แต่ค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้ชีวิตและทำงานในเมือง ทำให้ลูกหลานเกษตรกรส่วนหนึ่งต้องการทำงานในเมืองมากกว่าสานต่ออาชีพของพ่อแม่

อีกสาเหตุหนึ่ง เกษตรกรผู้ที่ปลูกกาแฟอยู่แล้ว ไม่มีการขยายเพิ่ม ทั้งที่ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตได้อีกมาก หากสั่งสมประสบการณ์และเข้าถึงองค์ความรู้ในการปลูกกาแฟมากกว่านี้ เพราะเนสกาแฟเล็งเห็นว่าสิ่งสำคัญสิ่งหนี่งที่จะช่วยทำให้อาชีพเกษตรกรชาวนสวนกาแฟในประเทศไทยยังคงได้รับผลตอบแทนจากผลผลิตกาแฟในระยะยาว สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้อย่างมีความสุข

กระนั้นต้องเริ่มจากการบ่มเพาะเกษตรกรตั้งแต่รุ่นเยาว์ เนสกาแฟจึงได้ริเริ่มโครงการ Junior Coffee Farmer” (จูเนียร์ คอฟฟี่ ฟาร์มเมอร์) ขึ้น เพื่ออบรมลูกหลานเกษตรกรในพื้นที่ที่มีการปลูกกาแฟให้ได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริง เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรกรชาวสวนกาแฟสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพ เหมาะกับวัยของลูกหลานเหล่านี้ พร้อมนำความรู้ไปช่วยพ่อแม่ในการปลูกกาแฟได้อย่างถูกวิธี สร้างผลกำไรจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น

นายทาธฤษ กุณาศล ผู้จัดการฝ่ายบริการการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เนสกาแฟได้ริเริ่มหลักปฎิบัติตามแนวทาง “ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ” (Grown Respectfully) เพื่อถ่ายทอดความรู้และแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเกษตรกรชาวสวนกาแฟโรบัสต้าในประเทศไทย โดยมีนักวิชาการการเกษตรที่ทำงานใกล้ชิดกับเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูกมากว่า 30 ปี จากการให้คำแนะนำทางวิชาการทั้งการปรับปรุงเทคนิคการผลิต การพัฒนาคุณภาพ การใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม ภายใต้แนวคิด Agriprenuership ทำให้เกษตรกรชาวสวนกาแฟในประเทศไทยกว่า 2,500 คน ผ่านการรับรองมาตรฐานหลักปฎิบัติพื้นฐานสำหรับชาวสวนกาแฟ 4C (Common Code for Coffee Community) เกษตรกรที่ประยุกต์ใช้เทคนิคต่างๆ อย่างจริงจัง สามารถได้รับผลตอบแทนจากผลผลิตกาแฟ สร้างอาชีพและความมั่นคงให้กับครอบครัวและชุมชน

นอกจากนี้เรายังเล็งเห็นว่า อนาคตของเกษตรกรรุ่นต่อไปจำเป็นต้องปลูกฝังการเรียนรู้ ความผูกพัน และการเอาใจใส่ในอาชีพชาวสวนกาแฟตั้งแต่อายุยังน้อย จึงเป็นที่มาของการริเริ่มการทำโครงการ “Junior Coffee Farmer” มาตั้งแต่ปี 2560

วัตถุประสงค์ให้บุตรหลานเกษตรกรชาวสวนกาแฟได้มีความภูมิใจในอาชีพ และสามารถเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตใหม่ ๆ เพื่อสืบสานอาชีพการทำสวนกาแฟจากพ่อแม่ และมีรายได้จากการทำสวนกาแฟในอนาคตต่อไป

“เนสกาแฟเริ่มโครงการนี้ในปี 2560 โดยเข้าไปจัดกิจกรรมกับเด็ก ๆ ลูกหลานเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟโรบัสต้าในจังหวัดชุมพร และระนอง และประสบผลสำเร็จอย่างดีจนทำให้เราขยายโครงการ Junior Coffee Farmer ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายการขยายโครงการเพิ่มใน 4 โรงเรียนซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนที่มีการปลูกกาแฟโรบัสต้า  ที่ได้เพิ่มความพิเศษให้กับโครงการฯ ด้วยการให้ทุนการศึกษาเด็ก ๆ ที่ร่วมโครงการ เปิดโอกาสให้ทั้งผู้บริโภค และพนักงานของบริษัทได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเพื่อมอบให้กับเด็ก ๆ ในวันกาแฟสากลจากการร่วมซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ ที่เนสกาแฟ ฮับ สาขาบีทีเอส ชิดลม โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายด้วย” นายทาธฤษ กล่าว

สำหรับโครงการ Junior Coffee Farmer ปีนี้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 โดยบูรณาการความรู้ที่จำเป็นต่อการทำสวนกาแฟในปัจจุบันทั้งภาคทฤษฎี และการทดลองทำจริงที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้วิธีการปลูกกาแฟ ตั้งแต่การปลูก จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต ผ่านกิจกรรมสนุก ๆ ที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ ส่วนที่เป็นไฮไลต์สำหรับโครงการในปีนี้ คือการปลูกแปลงแม่พันธุ์กาแฟที่เนสกาแฟได้วิจัยและพัฒนามาแล้วว่า เหมาะกับการปลูกในสภาพอากาศของเมืองไทยและให้ผลผลิตที่ดีกว่าพันธุ์เดิม เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถผลิตต้นกล้าพันธุ์กาแฟได้ด้วยตนเอง และสามารถผลิตขายได้อีกด้วย เป็นอาชีพที่สร้างโอกาสที่ดีให้กับตนเองและครอบครัว

ด้วยกิจกรรมที่สนุก ที่ช่วยให้เด็ก ๆ ซึมซับความผูกพันกับการปลูกกาแฟไปโดยธรรมชาติ เด็ก ๆ ก็จะมองเห็นคุณค่าของการเป็นเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟแบบเดียวกับพ่อแม่ และมองเห็นว่าสามารถต่อยอดไปเป็นวิชาชีพที่สร้างรายได้อย่างมั่นคงได้จริงในอนาคต

ด.ช.สมศักดิ์ ซั่วเซ่งอิ้ว นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านห้วยชัน ตำบลทุ่งระยะ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ “Junior Coffee Farmer” กับเนสกาแฟเมื่อปีที่แล้ว เล่าว่า ที่บ้านทำสวนกาแฟอยู่แล้ว โดยที่เขาเองเคยไปช่วยทำโน่นทำนี่บ้าง แต่ไม่ได้จริงจังนัก พอดีพี่ ๆ จากเนสกาแฟเข้ามาจัดโครงการ Junior Coffee Farmer ที่โรงเรียน จึงมีโอกาสกับเพื่อนเข้าไปร่วมกิจกรรมกันมา ก็สนุกดี เพราะพี่ ๆ จากเนสกาแฟถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการปลูกกาแฟหลายอย่าง  ได้เรียนรู้ ทั้งเรื่องระบบการปลูกกาแฟการติดตา ต่อกิ่ง ไปจนถึงการทำปุ๋ยหมักสำหรับใส่ต้นกาแฟ โดยที่พี่ ๆ เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ลองลงมือทำเอง  คิดว่าจพนำความรู้ไปช่วยที่บ้านต่อได้ด้วย

ด้านด.ช. กฤตเมธ พรมชัยศรี หรือน้องแอนฟิว นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1  โรงเรียนบ้านบางไม้แก้วประชาสามัคคี ตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร บอกว่า ชอบมาก กิจกรรมในโครงการ Junior Coffee Farmer เพราะว่าพี่ ๆ สอนสนุกมาก เข้าใจเด็ก ๆ ดีครับ ไม่น่าเบื่อ ได้ความรู้สามารถนำไปใช้ได้จริง เช่น การตอนกิ่ง ต่อยอด เพาะพันธุ์ต้นกาแฟ ฯลฯ ยังได้นำความรู้ไปบอกพ่อแม่ จนตอนนี้สามารถเพาะขายได้จริง นำไปขายเวลาออกบูธขายของกับพ่อแม่ได้ด้วย ได้ราคาดีด้วยเพราะคุณภาพดี ตอนนี้เวลาเข้าไปทำสวนกาแฟก็มั่นใจขึ้น มีกำลังใจช่วยงานในสวนมากขึ้น

ขณะที่ ด.ญ.มณฑการณ์ เพียงไธสง หรือน้องครีม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านบางไม้แก้ว ประชาสามัคคี ตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร บอกว่า ปกติช่วยพ่อแม่ทำสวนอยู่แล้ว พอได้เข้าร่วมโครงการ Junior Coffee Farmer ก็ได้รับความรู้ใหม่ ๆ หลายอย่าง ได้ลองเอาไปใช้ที่สวนด้วย สามารถช่วยแก้ปัญหาต้นกาแฟเน่าหรือต้นแห้งตายไม่เจริญเติบโตได้ดีมาก  ทำให้ต้นกาแฟงอกงามดี มีผลผลิตมากขึ้น ก็ภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยพ่อแม่ได้

“การเรียนรู้กับโครงการฯ ก็สนุกมากค่ะ เพราะว่าพี่ ๆ ให้โอกาสเราได้ลงมือทำจริง ด้วยวิธีที่เข้าใจง่ายและสนุก ทางโครงการก็เข้ามาให้ความรู้อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ พอเอาไปลองใช้กับสวนตัวเองแล้ว ถ้าเกิดมีคำถาม หรือมีปัญหาอะไรก็กลับมาสอบถาม แก้ไข ปรับปรุงต่อไปได้ ก็มีความคิดอยากจะสืบสานอาชีพการทำสวนกาแฟต่อไป เพราะเรามีความรู้ ประสบการณ์ และได้รับการสนับสนุนที่ดีจากทั้งครอบครัว และเนสกาแฟ และภูมิใจว่าเป็นอาชีพที่สามารถส่งผลผลิตออกไปจำหน่ายทั่วโลกได้ด้วยค่ะ” เธอ กล่าว

 โครงการ “Junior Coffee Farmer” นับเป็นอีกหนึ่งโครงที่ปลุกกระแสให้ชาวสวนกาแสได้ลุกขึ้นมาจัดการกับสวนกาแฟให้มีคุณภาพมากขึ้น และทางเนสกาแฟเอง จะยังคงเดินหน้าต่อไป จะมีเจ้าหน้าที่ด้านเกษตรของเนสกาแฟคอยดูแล ให้คำแนะนำ และหมั่นไปพบปะพูดคุยกับเด็กที่ร่วมโครงการฯ เพื่อให้คำแนะนำ แนวทาง และที่สำคัญคือให้กำลังใจในการปลูกกาแฟต่อไป เป็นการสร้างความผูกพันระหว่างทั้งเด็กกับการปลูกกาแฟ และเนสกาแฟที่จะช่วยเชื่อมให้มีการสืบทอดอาชีพเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในไทยต่อไป