“กฤษฎา”ลงพื้นที่ตามแก้ปัญหาราคาข้าว

  •  
  •  
  •  
  •  

“กฤษฎา”ลงพื้นที่ติดตามการใช้งบประมาณตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนของสหกรณ์การเกษตรมโนรมย์ จ.ชัยนาท พร้อมติดตามความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 ในภาคเหนือ 23 จังหวัด หวังให้เกษตรกรขายข้าวได้ราคาที่เป็นธรรมผ่านระบบสหกรณ์ที่เข้มแข็ง

              นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดชัยนาท  ว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เป็นการติดตามความก้าวหน้าการใช้งบประมาณตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนของสหกรณ์การเกษตรมโนรมย์ จำกัด พร้อมพบปะสมาชิกสหกรณ์ในพื้นที่ โดยสหกรณ์การเกษตรมโนรมย์ จำกัด ได้รับงบประมาณ 20 ล้านบาท และสหกรณ์ได้สมทบเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อสร้างโกดังเก็บผลผลิต ขนาด 7,000 ตัน จำนวน  2 แห่ง เพื่อทดแทนโกดังเก่าที่ทรุดโทรม

“ขณะนี้มีความก้าวหน้าในการก่อสร้างกว่า 90% คาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดภายในสิงหาคมนี้ ซึ่งจะทำให้สหกรณ์มีความพร้อมในการบริการสมาชิก สามารถรวบรวมข้าวเปลือกเจ้ามาเก็บสต๊อกไว้เพื่อรอเข้าสู่โรงสีแปรรูปเป็นข้าวเปลือก เพื่อเพิ่มมูลค่า ทำให้สมาชิกมีความพึงพอใจกับการนำข้าวเปลือกมาขายให้กับสหกรณ์ เพราะนอกจากจะได้รับค่าข้าวเป็นเงินสดในราคานำตลาด 100 บาท/ตันแล้ว หากสหกรณ์ขายข้าวได้กำไร จะมีการปันผลคืนสู่สมาชิกด้วยอีกต่อหนึ่ง” นายกฤษฎา กล่าว

[adrotate banner=”3″]

ในโอกาสนี้ รมว.เกษตรฯได้ร่วมประชุมชี้แจงมาตรการช่วยเหลือและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 กับตัวแทนสหกรณ์ในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง 190 แห่ง จาก 23 จังหวัด โดยมาตรการดังกล่าว ภายใต้โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวเปลือก ซึ่ง ธ.ก.ส. จะให้สินเชื่อแก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอการจำหน่ายผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกปทุมธานี 1 โดยให้ค่าบริหารจัดการแก่สถาบันเกษตรกรตันละ 1,500 บาท และให้สินเชื่อเพื่อสร้าง ยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร

มีเป้าหมายช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่ขึ้นทะเบียน กับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยจะช่วยเหลือตามพื้นที่ปลูกข้าวจริง ไร่ละ 1,500 บาท รายละไม่เกิน 12 ไร่ หรือไม่เกินครัวเรือนละ 18,000 บาท ซึ่งจะเป็นมาตรการด้านการตลาดที่กระทรวงเกษตรฯ ต้องเร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรรายย่อย ให้มีโอกาสได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ และสามารถจำหน่ายข้าวเปลือกในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมผ่านระบบสหกรณ์ที่เข้มแข็ง

ด้านนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับข้าวนาปีในฤดูการผลิต ปี 2561/62 ได้เตรียมความพร้อมให้สหกรณ์โดยการสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนจากรัฐภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในการก่อสร้างปัจจัยพื้นฐานเพื่อจัดเก็บข้าวเปลือก โดยวางเป้าหมายที่จะดำเนินการรวบรวมข้าวเปลือกเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านตัน แบ่งเป็นการรวบรวมเพื่อแปรรูป ประมาณ 70,000 ตัน และรวบรวมเพื่อจำหน่าย จำนวน 1.93 ล้านตัน ซึ่งในส่วนนี้จะมีการเก็บรวบรวมเพื่อชะลอการจำหน่ายประมาณ 529,500 ตัน