สารจากนายกฯ “วันข้าวและชาวนาฯปี61”

  •  
  •  
  •  
  •  

สารจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2561 วันที่ 5 มิถุนายน 2561

พี่น้องชาวนาและประชาชนที่รัก

                 ประเทศไทยของเรามีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติจนมีการกล่าวขวัญกันว่า “ในน้ำมีปลาในนามีข้าว” โดยเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญในภูมิภาคนี้มาตั้งแต่อดีต  สังคมไทยจึงมีความผูกพันกับข้าวทั้งในวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมจนถึงปัจจุบัน   ชาวนาจึงเป็นเสมือนกระดูกสันหลังของชาติในการปลูกข้าวเพื่อบริโภคภายในประเทศและส่งออกสู่ตลาดโลก ทำให้ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยจนสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศเป็นจำนวนมาก   คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี เป็น “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” เพื่อให้ประชาชนไทยตระหนักถึงคุณค่าของข้าวไทย  และเป็นกำลังใจให้ชาวนาที่มุ่งมั่นประกอบอาชีพ ทำนาด้วยความเสียสละและอดทน  ซึ่งนับได้ว่าช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศอย่างยั่งยืนตลอดมา

                 รัฐบาลมีนโยบายมุ่งมั่นพัฒนาการผลิตข้าวและยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวนาไทย  โดยมีโครงการต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมอาชีพและความเป็นอยู่ของชาวนาให้ดีขึ้น ทั้งการดำเนินแผนการผลิตข้าวครบวงจร  เพื่อบริหารจัดการข้าวตลอดห่วงโซ่อุปทาน     การวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมทั้งโครงการส่งเสริมการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดี โครงการนาแปลงใหญ่ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ การลดต้นทุนการผลิต พร้อมทั้งส่งเสริมงานวิจัย และพัฒนาข้าวเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่  การใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวให้สูงขึ้น รักษาเสถียรภาพผลผลิต พัฒนาการผลิตข้าวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ  รวมทั้งต่อยอดไปสู่การวิจัยเชิงพาณิชย์ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาดั้งเดิมโดยการนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมในการผลิตแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนแก่ชาวนาต่อไป

                 เนื่องในโอกาสวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2561 ได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งในวันนี้ ผมในนามของรัฐบาลขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้โปรด ดลบันดาลให้พี่น้องชาวนาไทยและครอบครัว จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง เพื่อร่วมกันเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยให้มีความมั่นคง ทางอาหารของโลกตลอดไป

ที่มา : กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก ทำเนียบรัฐบาล