โดย…ดลมนัส กาเจ
ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตของทุเรียนกำลังสู่ตลาด และหลังจากที่หมดฤดูกาลให้ผลผลิตแล้ว จะเข้าสู่ช่วงที่จะต้องมีการตัดแต่งกิ่งพันธุ์ และดูแลรักษาให้ทุเรียนมีความอุมสมบูรณ์ เนื่องจากเป็นช่วงที่ต้นทุเรียนต้องพักฟื้นราวกับคนเพิ่งหลังคลอดลูกใหม่ๆที่จำเป็นจะต้องบำรุงรักษา ให้ต้นทุเรียนเข้าสู่สภาพปกติกและรองรับการที่จะออกดอกออกผลใหม่ในฤดูกาลหน้า
ขณะเดียวกันในช่วงนี้ เป็นช่วงต้นฝนก็ถือว่าเป็นช่วงฤดูกาลเพาะปลูกทั้งพืชไร่ พืชสวน และไม้ผล อย่างทุเรียนซึ่งเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่มีอนาคต และถือเป็นราชาผลไม้ที่ตลาดต้องการสูงดุจปีทองของทุเรียน ก็นิยมปลูกกันในช่วงนี้เช่นกัน เนื่องเพราะมีน้ำฝนที่จะคอยชะโลมน้ำ ที่อุดมไปด้วยปุ๋ยไน่โตรเจนที่สายฝนดึงมาในอากาศไปสู่พื้นหรือต้นไม้อีกด้วย
[adrotate banner=”3″]
ทั้งการพักฟื้นและการดูแลบำรุงรักษาต้นทุเรียนที่เพิ่งผ่านการออกผลผลิต และทุเรียนที่ปลูกใหม่นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกจากการให้น้ำแล้ว ก็คือการให้ธาตุอาหาร หรือปุ๋ยที่ต้นทุเรียนต้องการอย่างถูกวิธีด้วย จึงจะทำให้ต้นทุเรียนที่ปลูกนั้นจะอุดมสมบูรณ์ อันจะนำไปสู่การออกผลผลิตที่มีคุณภาพ ฉะนั้นต้องให้ธาตุอาหารแก่ต้นทุเรียนอย่างถูกวิธีตามที่ต้นเรียนต้องการ
นายมิฮอล คีนนี่ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาวิชาการเกษตร บริษัท ยารา (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตปุ๋ยสูตรสำหรับทุเรียนโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นวิชาการชาวฝรั่งเศส บอกว่า การบำรุงรักษาต้นทุเรียนให้มีความสบูรณ์ หลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วมี 6 ช่วงด้วย
เริ่ม ระยะแรกหลังจากที่ตัดแต่งกิ่งแล้วเน้นธาตุอาหารหลักคือไนโตรเจจ พอเริ่มปลิใบยังให้ไนโตรเจนผสมฟอสฟอรัสเล็กน้อย จนต้นทุเรียนใกล้ออกดอกให้เพิ่มฟอสฟอรัสมากขึ้น พอเริ่มออกดอกเน้นไปที่ธาตุอาหารฟอสฟอรัสเป็นหลัก หลังจากทุเรียนเริ่มจะติดผล เริ่มที่สูตรที่ธาตุอาหารที่มีฟอสฟอรัสและโพแตสเซียมมากขึ้น จนทุเรียนติดผลแล้วเน้นไปที่ธาตุอาหารโพแตสเซียมเป็นหลัก
ทั้งนี้และทั้งนั้นต้องมีการผสมธาตุอาหารหลักทั้ง 3 ชนิด ทั้งไตรโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแตสเซียม และธาตุอาหารอื่นๆอีกหลายตัว อย่างลงตัว ซึ่งทางยาราจึงกำหนดถึง 6 ขั้นตอน เฉลี่ยแล้วการใส่ปุ๋ยทุเรียนจะใช้ปุ๋ยไร่ละตั้งแต่ 25-50 กก.ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของดินด้วย อย่างของยาราจะมีสูตรกำหนดเป็นช่วงจังหวะที่แน่นอน หากทำตามนี้ไม่เพียงจะให้ตนทุเรียนมีความสมบูรณ์ แต่จะมีผลผลิตที่มีคุณภาพและให้ผลผลิตสูงถึงไร่ละ 2 ตันอีกด้วย แต่กระนั้นยาราก็จะรวมกับมหาวิทยาลัย รวมถึงมหาวิทยาลัยในไทยเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไป
พูดถึงทุเรียนปัจจุบันกลายเป็นผลไม้ที่ตลาดต้องการสูงมาก โดยเฉพาะตลาดส่งออกไปยังประเทศจีน เวียดนาม ซึ่งในประเทศไทยมีการปลูกหลายสายพันธุ์ ที่มีชื่อเสียงเรียงนามมานานแล้วคือหมอนทอง ล่าสุดกระแสที่กำลังมาแรงในแวดวงทุเรียนคือราชาทุเรียนของมาเลเซีย สายพันธุ์ “มูซังคิง” (Musang King) หรือราชาแมวป่า คนจีนเรียกว่า “เหมา ซาน หว่าง” เป็นทุเรียนที่ราคาแพงที่สุดในจีน และตลาดจีนต้องการสูงมาก หลังจากที่นายราจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐของมาเลเซีย ไปฝากนายกรัฐมนตรี “เวิน เจียเป่า” ของจีน(สมัยนั้น) และมาเลเซีย ถือโอกาสเปิดคลาดส่งออกทุเรียนไปเข้าสู่ตลาดจีนตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา
กระนั้นปริมาณส่งออกทุเรียนมูซังคิงของมาเลเวียไปยังประเทศจีนน้อยมากข เนื่องจากไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ ทำให้ราคาทุเรียนมูซังในประเทศจีน ราคา กก.ละหลายพันบาท ขณะที่ขายในประเทศมาเลเซีย รวมถึงสิงคโปร์เองราคา กก.ละกว่า 1,000 บาท
มูซังคิง เป็นทุเรียนพื้นเมืองของมาเลเซีย แหล่งปลูกมากที่สุดในรัฐกลันตัว เคดาร์ ยะโฮร์ มีผลขาดเล็กกว่าหมอนทองของไทย ผลมีลักษณะกลมคล้ายพวงมณี แต่ที่ก้นทีดาวสีทอง 5 แฉก น้ำหนักผลไม่เกิน 3 กก. เนื้อเนียนนุ่ม หวานมัน อร่อย ไม่เลี่ยน เมล็ดลีบ เนื้อสีแหลืองอร่าม เดิมชาวมาเลเซียเรียกว่า “ราจากูหงิด” หรือราคาขมิ้นเพราะเนื้อเหลืองนั่นเอง
กิ่งพันธุ์มูซังคิง
สนใจข้อมูลสุดยอดทุเรียนมาเซีย “มูซังคิง” สอบถามได้ที่โทร.081-554-6816